ร่วมย้อนรำลึกความทรงจำ และเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของดุสิตธานี กรุงเทพฯ หนึ่งในแลนด์มาร์คที่อยู่คู่กรุงเทพฯ มาครึ่งศตวรรษ ในงาน “ผูกพันด้วยใจ ก้าวไปกับดุสิต” (Together…Moving Forward) เพื่อบันทึกความทรงจำที่เปี่ยมความหมายซึ่งจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในอีก 4 ปีข้างหน้า เมื่อโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในรูปลักษณ์ใหม่เปิดให้บริการ   
 

ภายในบริเวณงานซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ มีการจัดแสดงนิทรรศการภาพวาดจากศิลปินแห่งชาติและศิลปินชั้นนำของไทย 20 ท่าน ให้แขกผู้ร่วมงานได้ร่วมชื่นชมภาพเขียนสุดวิจิตรที่เผยแพร่คุณค่าและสะท้อนมุมมองของดุสิตธานี กรุงเทพฯ ผ่านฝีแปรงของศิลปินแต่ละคน รวมทั้งการบรรเลงบทเพลงพิเศษที่ได้รับการแต่งขึ้นมาในวาระครบรอบ 30 ปีของดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยวงดนตรีจากคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปิดท้ายด้วยความสุขและเพลิดเพลินกับบทเพลงสุดไพเราะจากการแสดงมินิคอนเสิร์ตโดย เจนนิเฟอร์ คิ้ม และโก้ มิสเตอร์แซ็กแมน

ชนินทธ์ โทณวณิก  รองประธานกรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวขอบคุณแขกและผู้มีอุปการคุณที่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของดุสิตธานี กรุงเทพฯ ว่า “เจตนารมย์ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุยผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวแห่งแรกของเมืองไทย มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโรงแรมที่ดีที่สุด ที่มีบุคลิกและลักษณะสะท้อนขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยอันงดงาม เพื่อผลักดันให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนประเทศไทย และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเวทีโลก
 

“วันนี้ ดุสิตธานี กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ที่จะสานต่อความเชื่อและความมุ่งมั่นของท่านผู้หญิง เพื่อผลักดันให้แบรนด์ดุสิตธานี ก้าวขึ้นไปอีกระดับ สร้างความภาคภูมิใจแก่ชาวไทยและชาวกรุงเทพฯ เหมือนที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ได้ทำไว้เมื่อเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา เราตั้งใจจะสร้างโรงแรมแห่งใหม่ให้มีบุคลิกลักษณะคล้ายเดิม มีกลิ่นอายความเป็นไทยที่แขกของเราคุ้นเคยตั้งแต่ย่างเท้าก้าวเข้ามาในโรงแรม แต่ก็มีความทันสมัยตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค และที่สำคัญชื่อจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘ดุสิตธานี’ เหมือนเดิม”

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวให้คำมั่นในฐานะตัวแทนของฝ่ายบริหารและพนักงานว่า “พนักงานของดุสิตธานีทุกคนให้คำมั่นสัญญาว่าจะทุ่มเทให้ดีที่สุดในการสานต่อเจตนารมย์ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ และคุณชนินทธ์ ในการทำให้กลุ่มดุสิตธานี เป็นต้นแบบการโรงแรมอีกครั้ง ภายใต้ชื่อโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่ ซึ่งจะกลับมาต้อนรับทุกท่านในอีก 4 ปีข้างหน้า ด้วยเรื่องราวรูปลักษณ์และบุคลลิกที่โดดเด่นเหมือนโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในอดีต และผสมผสานด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ช่วยยกระดับและพัฒนาให้มาตรฐานการบริการของเราให้เหนือกว่าที่เคยเป็นมา และสามารถสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมาย ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน”
 

ภายในงานคับคั่งไปด้วยแขกคนสำคัญจากหลากหลายแวดวง รวมจำนวนกว่า 1,000 คน ที่พร้อมใจกันมาร่วมย้อนรำลึกความทรงจำดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งนี้ อย่างคู่สามีภรรยา

ยศ และดร.นฎาประไพ เอื้อชูเกียรติ เล่าว่า ในช่วงชีวิตที่ผ่านมามีหลากหลายเหตุการณ์ที่เป็นความทรงจำประทับใจ ซึ่งเกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ “มีหลากหลายงานที่เป็นความทรงจำที่ดีกับดุสิตธานี โดยเฉพาะงานควีนสิริกิติ์ คอนแชร์โต้ ซึ่งการจัดการแสดงดนตรีในครั้งนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ พร้อมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อันเป็นความทรงจำที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจจนทุกวันนี้    

“นอกจากนี้ยังชอบห้องอาหารทุกห้องของที่นี่มาก ๆ ไม่ว่าจะอาหารจีน อาหารญี่ปุ่น หรืออาหารไทย โดยเฉพาะห้องเทียร่า ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดที่เคยมาจัดงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนมาแตร์เดอี ก็เป็นความทรงจำดี ๆ ร่วมกันกับเพื่อน ๆ รวมทั้งเป็นสถานที่จัดงานครบรอบอายุ 72 ปี ของคุณพ่อ และคุณแม่ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องราวประทับใจของครอบครัวเราอีกด้วย” ดร.นฎาประไพ ฉายภาพความทรงจำประทับใจ

ด้าน ยศ กล่าวว่า “โรงแรมดุสิตธานี เสมือนเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ เพราะเป็นโรงแรมที่ทันสมัยและหรูหราที่สุดที่สร้างขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ถึงแม้จะเสียดาย เพราะมีความทรงจำดี ๆ และผูกพันกับที่โรงแรมดุสิตธานีค่อนข้างมาก แต่ทุกอย่างในโลกเมื่อถึงเวลา ก็ต้องเปลี่ยนแปลง และมั่นใจว่าโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในรูปโฉมใหม่ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คงจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน”
 

ส่วน เภาลีนา ณ นคร ย้อนความทรงจำที่มีต่อโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ว่า “เป็นลูกค้าที่โรงแรมดุสิตธานีมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ก็จะใช้บริการของโรงแรมดุสิตธานีเสมอ หรือจะนัดเพื่อน ๆ ไปรับประทานอาหารด้วยกันก็ต้องมาที่ดุสิตฯ รวมทั้งเพื่อนฝูงก็แต่งงานที่นี่กันแทบทุกคู่ และสมัยที่ยังเต้นรำก็มาแต่ที่ดุสิต อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพราะชอบใจในบริการที่ดี พนักงานน่ารักทุกคน และบรรยากาศเป็นกันเอง ยอมรับว่าใจหายที่จะไม่มีดุสิตธานีที่คุ้นเคยแล้ว เพราะหลายสิบปีแล้วที่ใช้บริการของโรงแรมมา โดยเฉพาะห้องอาหารจีน เมย์ฟลาวเวอร์ ซี่งยังคงมารับประทานเป็นประจำจนถึงวันนี้ และตั้งใจไว้ว่าก่อนจะปิดโรงแรมในปีหน้าจะชวนเพื่อน ๆ มารับประทานอาหารตามห้องอาหารต่าง ๆ ให้ครบทุกห้องเลย”  

สำหรับ ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม เผยความประทับใจว่า “ทุกครั้งที่มาดุสิตธานี เหมือนมาบ้านหลังที่ 2 สมัยเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว คุณพ่อมาที่นี่เกือบทุกอาทิตย์ ทั้งนัดคุยงาน และมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารเวียดนาม เทียนดอง และห้องอาหารจีน เมย์ ฟลาวเวอร์ ส่วนตัวเองก็คุ้นเคยกับดุสิตธานี เพราะสมัยวัยรุ่นผมก็เติบโตมากับบับเบิ้ล ซึ่งเป็นไนท์คลับที่เก๋ ๆ มากในยุคนั้น ผมมาเที่ยวที่บับเบิ้ลตั้งแต่ก่อนอายุ 18 ปี แต่ต้องติดตามมากับผู้ใหญ่ จนกระทั่งพอโตก็จะมีน้อง ๆ ที่สนิทมาเที่ยวด้วยกัน นอกจากนี้ญาติ ๆ แทบทุกคน ก็จะจัดงานแต่งงานที่ดุสิตธานีเสมอ เพราะถือเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ในยุคนั้น มาจนถึงยุคนี้ที่ยังครอง
 

ความเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด ทำให้รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ปีหน้าจะไม่มีโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่เราคุ้นเคยอีกแล้ว แต่ก็จะเก็บไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อกัน ซึ่งวันนี้ก็มาร่วมแสดงความยินดีกับสเต็ปต่อไปของดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่จะไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคนอย่างแน่นอน”   

โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังเปิดให้บริการห้องพัก ห้องอาหาร ห้องประชุมและบริการจัดเลี้ยงตามปกติจนถึงวันที่ 5 มกราคม 2562