เครื่องสำอางอาจเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่สาว ๆ หลายคนขาดไม่ได้ ต้องแต่งหน้าทุกวัน พกติดตัวไปด้วยทุกที่เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้เสริมแต่งความสวยสดใส เติมแต่งเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง บางคนเห็นเครื่องสำอางออกใหม่ไม่ได้ ต้องรีบซื้อเก็บไว้
แต่ก่อนที่จะป้ายเครื่องสำอางต่าง ๆ ลงบนผิว เคยมีใครสงสัยบ้างหรือไม่ว่าเครื่องสำอางที่เราใช้ทาบนผิวหน้า เติมแต่งริมฝีปาก หรือแม้กระทั่งใช้สัมผัสใกล้อวัยวะสำคัญและบอบบางอย่างดวงตานั้น ปลอดภัยต่อสุขภาพเราอย่างแท้จริงหรือไม่ ? ผู้ผลิตใส่สารประกอบอะไรลงไปบ้าง ? คุณสมบัติของสีที่ติดแน่นทนนาน กันน้ำเนี่ย แท้จริงแล้วปลอดภัยต่อผิวเราจริงหรือไม่ ?
เพราะเครื่องสำอางไม่ใช่อาหารและไม่ใช่ยา ทางผู้ผลิตจึงทำหน้าที่ควบคุมดูแลการผลิตด้วยตนเองโดยไม่ได้รับการควบคุม จึงยังมีความจริงที่ผู้ผลิตไม่เคยบอก และผู้บริโภคไม่เคยถามแต่จำเป็นต้องรู้ก่อนเลือกซื้อเครื่องสำอางอีกมาก ที่หากรู้แล้วการเลือกซื้อเครื่องสำอางของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกเลย ที่นี่มีความจริงมาเล่าให้ฟังค่ะ
หลายครั้งที่เราถูกชักจูงให้ซื้อเครื่องสำอางด้วยคำว่า “ผลิตภัณฑ์ออแกนิค” ความเป็นจริงแล้วไม่มีกฎบังคับตายตัวว่าเครื่องสำอางออแกนิค แท้จริงแล้วต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง หรือต้องมีในปริมาณขั้นต่ำเท่าไร ดังนั้นตราบเท่าที่เครื่องสำอางมีส่วนผสมของอะไรก็ตามที่ออแกนิค แม้จะเพียงน้อยนิด ก็สามารถติดป้ายคำว่า “ออแกนิค” ได้ทั้งนั้น
แบรนด์เครื่องสำอางระดับแนวหน้าเป็นที่รู้จักและนิยมไปทั่วโลก จึงจัดได้ว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ สามารถสร้างรายได้ได้หลายล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปีจากการขายลิปสติก ครีมรองพื้นและมาสคาร่าที่สาว ๆ อาจช้อปเดือนละแท่ง บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอาง 1 แห่งอาจมีมูลค่าได้ถึง 2 ร้อยล้านล้านเหรียยสหรัฐ นับว่าเป็น 1 ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ยักษ์ของโลกเลยทีเดียว
สิ่งที่ทำให้บริษัทผลิตยากับเครื่องสำอางต่างกันคือ บริษัทผลิตเครื่องสำอางไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขภายใต้การควบคุมจากองค์กรอาหารและยา จึงไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องผ่านการทดสอบเครื่องสำอางก่อนวางขาย คาดว่า 80% ของส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง ไม่ได้ผ่านการทดสอบทางการแพทย์อย่างจริงจังก่อนออกวางจำหน่าย
คำว่าความหอมจากพันธุ์ไม้ หรือดอกไม้ในเครื่องสำอาง อาจฟังดูเหมือนสกัดจากธรรมชาติล้วน ๆ เช่น สกัดความหอมจากกลีบกุหลาบ แต่ในความเป็นจริง อาจเป็นกลิ่นที่ได้จากการปรุงแต่งในห้องแล็บด้วยการใช้สารเคมีก็เป็นได้
นี่คือความจริงที่สาว ๆ หลายคนไม่อยากยอมรับ โดยเฉลี่ยผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อเครื่องสำอางเพียงอย่างเดียวตลอดชีวิตเป็นเงินถึงกว่า 4 หมื่นบาท ค่าเฉลี่ยนี้คิดรวมปีที่คุณอาจไม่ได้แต่งหน้าเลยไว้ด้วย
คำคำนี้อาจมีส่วนช่วยให้สาว ๆ หลายคนสบายใจว่าของที่เราใช้ไม่ได้ผ่านการทำร้ายสัตว์ แต่สำหรับบางคนอาจไม่มีผลอะไรเลยก็ได้ แหม ก็ขนาดเครื่องสำอางที่ใช้อยู่อาจไม่ได้ผ่านการทดสอบทางการแพทย์กับคนอย่างจริงจังเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้ทดลองกับสัตว์จะต่างกันตรงไหน จริงมะ
รู้รึเปล่าว่ากฏหมายเก่าในเมืองมอร์ริสวิล รัฐเพนซิลเวเนีย บังคับให้ผู้หญิงต้องขออนุญาติก่อนแต่งหน้า แม้ปัจจุบันกฏหมายนี้ไม่ได้ถูกบังคับใช้ แต่ก็ยังไม่ได้ถูกยกเลิก ไม่น่าเชื่อว่าประเทศแห่งเสรีภาพจะมีกฏหมายแบบนี้อยู่ ห้ามผู้หญิงแต่งหน้าตามอำเภอใจ บ้าไปแล้ว !
ลิปสติกมียอดขายทั่วโลกสูงถึงกว่า 9 ร้อยล้านชิ้นในแต่ละปี ลองคิดดูเล่น ๆ จำนวนนี้เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรในสหรัฐอมเริกา โดยเฉลี่ยเท่ากับว่าทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กจะมีลิปสติกคนละ 3 ชิ้นในทุก ๆ 1 ปี !
แม้ว่าอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกาจะถูกควบคุมดูแล และมีกฏหมายบังคับใช้ค่อนข้างเข้มงวด ที่ออกโดยองค์กรอาหารและยาหรือ FDA แต่กลับไม่มีหน่วยงานกลางใดเลย ที่เข้ามาควบคุมดูแลสินค้าประเภทเครื่องสำอาง จึงมีการตรวจพบสารเคมีอันตรายในส่วนผสมของเครื่องสำอางบางแบรนด์ที่ผลิตในสหรัฐฯ และถูกระงับการนำเข้าในหลายประเทศทางแถบยุโรป
เพราะผิวจะดูดซับสารเคมีที่เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และในบางครั้ง การดูดซึมทางผิวทำได้เร็วว่าการกินเข้าไปทางปากหลายเท่า อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้มากกว่า รวดเร็วกว่าการกินเข้าไปด้วยซ้ำ !