11,001 Views
Favorite
สมัยเด็ก ๆ การมีเพื่อนสนิทสักคนดูเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่บ้านอยู่ติดกันวิ่งเล่นด้วยกันทุกวันก็เรียกว่าซี้ปึก ! หรือไปโรงเรียนวันแรก คนไหนเข้ามาชวนเล่น มาแบ่งขนมให้กินเราก็เทใจติดหนึบเป็นเพื่อนสนิทกันได้ไม่ยาก แต่พอเวลาผ่านไปวิถีชีวิตกำหนดให้คนเรามีความซับซ้อนขึ้น ประสบการณ์ชีวิตทำให้มุมมองต่อโลกและคนเปลี่ยนไป ยิ่งอายุมากเท่าไร ความฉลาดในการคบเพื่อนยิ่งต้องเพิ่มขึ้น มาดูกันว่าเพราะอะไรการเลือกคบเพื่อนดี ๆ จึงส่งผลกับความสุขและความสำเร็จในชีวิต
เพื่อนดี ๆ จะเป็นเหมือนกองเชียร์ที่คอยส่งกำลังใจให้ในทุก ๆ สิ่งที่เราทำ และคอยสนับสนุนทุกความฝัน ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง จะเจ็บกี่หน มองไปรอบตัว เพื่อนที่เปรียบเหมือนของขวัญจะอยู่ตรงนั้นเสมอ คอยผลัก คอยดัน คอยดึงให้เราผ่านพ้นปัญหา และอยู่ร่วมยินดีอย่างจริงใจในวันที่เราประสบความสำเร็จ แต่เชื่อว่าคุณต้องมีเพื่อนอีกประเภทที่คอยทับถม ซ้ำเติม หรือทิ้งให้คุณเผชิญหน้ากับปัญหาชีวิตเพียงลำพัง หรือคอยพูดกรอกหูทุกครั้งว่าความฝันที่เรามีมันไกลเกินเอื้อม หรือค่อนขอดเสมอว่าเป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ยิ่งถ้าเป็นคำพูดจากปากเพื่อนที่เราคิดว่าสนิทกันมาตั้งแต่เล็กยิ่งปวดใจ มองแง่ดีอาจเป็นเพราะเพื่อนหวังดี แต่คิดอีกทีนางอาจอิจฉาเราก็ได้นะ เพราะบางคนกลัวการเปลี่ยนแปลง หลงติดในเซฟโซนของตัวเองจนไม่กล้าออกมาพบเจออะไรใหม่ ๆ และกลัวว่าหากคุณก้าวออกไปประสบความสำเร็จ นางอาจถูกทิ้งให้อยู่เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย การทำลายความฝันหรือบั่นทอนกำลังใจของคุณให้คุณย่ำอยู่กับที่ก็เพื่อเป็นการรั้งคุณไว้ให้อยู่เป็นเพื่อนกันไปจนวันตายนั่นเอง
เพื่อนที่เป็นบทเรียนอย่างนี้รู้ซึ้งถึงน้ำใจแล้วก็ลดความสัมพันธ์เหลือแค่คนเคยรู้จักหรือเลิกคบไปเลยก็ดี การอยู่กับคนใจแคบ มองโลกแคบ อยู่แต่ในกะลาแลนด์ ไม่ดีต่อความก้าวหน้าในชีวิต ไม่คุ้มกับการให้ใจหรอกค่ะ เพื่อนดี ๆ ก็เก็บไว้ เพื่อนที่คอยบั่นทอนกำลังใจตัดใจทิ้งไปเถอะ !
เหมือนพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล อยากให้ชีวิตเจอแต่เรื่องดี ๆ เราก็ต้องเลือกคบเพื่อนที่เขาจะพาเราไปสู่ด้านสว่าง ไม่ใช่หนทางที่มืดมิด คนที่จะดึงศักยภาพด้านดีของเราออกมาข่มด้านมืด คนที่คอยด่าว่าเมื่อเห็นเรากำลังตัดสินใจทำสิ่งผิดพลาด ไม่ใช่คนที่ตะพึดตะพืออวย สวยทุกสิ่ง ดีทุกอย่าง กระตุ้นให้ฮึกเหิม หรือหาเหตุผลเข้าข้างเมื่อเราทำผิด อันนี้ไม่ดีค่ะ ถ้าเพื่อนส่งอิทธิผลไม่ดีมาถึงเราก็ไม่ควรเอาตัวไปพัวพัน เชื่อพี่
สมัยสาว ๆ การมีเพื่อนเยอะ ๆ ไปเที่ยวกันเป็นแก๊งค์เป็นกลุ่มมันช่างสนุกสนาน ยิ่งเพื่อนเยอะยิ่งมันส์สุด ๆ แต่เมื่อโตขึ้น ภาระหน้าที่มากขึ้น เพื่อนมาก ๆ หรือเพื่อนหลายกลุ่มอาจสร้างความปวดหัวให้คุณได้ ไหนงานจะรัดตัว ไหนจะสามี ไหนจะลูก แล้วต้องหาเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนแต่ละกลุ่มอีก ยิ่งเพื่อนเยอะ กว่าจะเลือกร้านที่ลงตัวได้ต้องเสียเวลาหลายชั่วโมง แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ทางที่ดีควรหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ
มีเพื่อนสนิทไม่ต้องมาก แต่พึ่งพาอาศัยได้ทุกคน ไว้ใจบอกเล่าความลับได้เพราะมั่นใจว่าจะไม่เอาไปเม้าท์ทีหลัง ก็เป็นเพื่อนที่ประเสริฐและควรค่าแก่การถนอมรักษาไว้ที่สุด มีเพื่อนไม่มากแต่ดีทุกคน เท่านี้ก็ชนะแล้ว
เพราะอะไร ถ้าคุณมีเพื่อนที่คอยชวนแต่ปาร์ตี้ ใช้ชีิวิตเต็มที่ เหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว นั่นก็สนุกดี ถ้าคุณยังเป็นเพียงนักศึกษาหน้าใส ๆ ที่มีเวลาให้ลองผิดลองถูกในชีวิตอีกเยอะ สอบตก ส่งงานไม่ทัน ติด 0 ติด F ก็ลงเรียนใหม่ตามแก้กันไปไม่มีปัญหา แต่ถ้ายังติดนิสัยแบบนี้มาถึงวัยทำงาน ไม่ดีแน่ค่ะ แทนที่จะต้องอยู่ทำโปรเจ็คส่งเจ้านายให้เสร็จ กลับขัดเพื่อนไม่ได้ คิดว่าเอาไว้ทำพรุ่งนี้ก็ทัน ออกไปปาร์ตี้กันดื่มนิดหน่อยเราโอเค แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เพื่อนก็ยุ คุณเองก็ติดลม จากตั้งใจดื่มแค่แก้วเดียวกลายเป็นหมดเบียร์ไปหลายขวด เช้ามาแฮงค์ทำงานไม่ไหว งานไม่เสร็จ เจ้านายด่า โบนัสก็อด เงินเดือนก็ไม่ขึ้น จบข่าว ! เพื่อนดี ๆ จะเข้าใจว่าอะไรสำคัญกับคุณที่สุด แล้วไม่ลากคุณออกมาแฮงเอ้าท์จนเสียงานเสียการนะจ๊ะ เอ้าเลือกเอา !
ยอมรับกันตรง ๆ เลยว่าสังคมทุกวันนี้ตัดสินกันที่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นส่วนใหญ่ คบคนเช่นใด เราจะถูกเหมารวมไปว่าเป็นคนแบบนั้นโดยปริยาย ไม่ต้องดูคนอื่นไกล คุณเองก็อาจตัดสินใจคบหรือเลิกคบแฟนจากการเลือกคบเพื่อนของเขาได้เหมือนกัน เพราะคนที่มีความสนใจเหมือนกันจะถูกดึงดูดเข้าหากัน นอกจากนี้การที่รอบตัวเราแวดล้อมไปด้วยคนที่มีทัศนคติกว้างไกล คิดดีคิดบวก มีความมุ่งมั่นทะเยอทะยานในด้านดี ๆ ก็จะทำให้เราซึมซับเอาความคิด ทัศนคติแบบนั้นมาด้วย ทำให้สามารถพัฒนาตัวเองได้จนประสบความสำเร็จ และมีความสุขในชีวิตได้เช่นกัน
