แต่ว่านะ...บางคนก็บอกมาว่าอาหารที่ปรุงสุกแล้วไม่ควรอุ่นซ้ำ เพราะอาจจะส่งผลเสียถึงขั้นเป็นมะเร็งได้เลย สิ่งที่ได้ยินมาจะจริงมั้ยนะ แล้วถ้าอย่างนั้นควรจะทำอย่างไรดี มาดูความจริงกับความเชื่อของเรื่องเหล่านี้กัน
เห็ดมีโปรตีนที่ถูกเอนไซม์และจุลินทรีย์ทำลายได้ง่าย หากไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง เห็ดจะเสียอย่างรวดเร็ว แล้วเมื่อเรานำมาอุ่นซ้ำมันก็จะส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหาร อย่างไรก็ตาม หากเก็บเห็ดไว้ในตู้เย็นในระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง แล้วเอามาอุ่นด้วยความร้อนสูงกว่า 70 องศาสเซลเซียสก็จะไม่เกิดปัญหาที่ว่าไปแล้ว
เคยมีความเชื่อว่า ผักโขมและผักใบเขียวส่วนใหญ่มีเปอร์เซ็นต์ของไนเตรตสูง ซึ่งด้วยตัวของไนเตรตเองไม่ได้มีพิษมีภัย แต่มันสามารถเปลี่ยนเป็นไนไตรต์ และกลายเป็นไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ ภายหลังมีการศึกษาด้วยหลักวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า การอุ่นผักซ้ำนั้นไม่ได้ส่งผลอย่างที่ว่าแต่อย่างใด
มีข้อมูลสนับสนุนจาก ผศ. ดร. สิติมา จิตตินันท์ จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่กล่าวว่าอาหารประเภทผักนั้นมีสารไนเตรตเมื่ออุ่นซ้ำก็จริงอยู่ แต่ปริมาณนั้นไม่มากพอจะทำอันตรายอะไรแก่ร่างกายได้
ข้าวสารนั้นมีทั้งสปอร์ของแบคทีเรียซึ่งทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ เมื่อหุงมันไปแล้ว วิธีการเก็บรักษาข้าวก่อนอุ่นซ้ำนั้นแหละสำคัญ ถ้าแค่วางไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่เก็บเข้าที่เย็น สปอร์ของแบคทีเรียจะเพิ่มจำนวนและทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ ถึงตอนนั้นแม้อุ่นซ้ำแบคทีเรียก็ไม่ตาย กินเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการอาเจียนหรือท้องร่วง
ปัญหาของการอุ่นมันฝรั่งนั้นไม่ได้อยู่ที่ “การอุ่น” แต่อยู่ที่การเก็บหลังทำให้มันฝรั่งสุก คือเมื่อมันฝรั่งสุกแล้ว หากเราทิ้งให้มันเย็นลงเองในอุณหภูมิห้องแบคทีเรียโบทูลิสม์จะเจริญเติบโตได้ในมันฝรั่งนั้น โดยเฉพาะถ้ามันห่อฟอยล์อยู่ อากาศเข้าไม่ได้ พอเอามาอุ่นซ้ำ แบคทีเรียดังกล่าวก็เป็นชนิดไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยความร้อนช่วงสั้นๆ จากไมโครเวฟไปซะอีก
ปกติแล้วไก่และสัตว์ปีกอื่นๆ รวมถึงไข่มีแบคทีเรียซาลโมเนลลาปนเปื้อนอยู่ ซึ่งปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่ออุ่นอาหารประเภทนี้ด้วยไมโครเวฟ เนื่องจากคลื่นความร้อนนั้นไม่ได้แผ่กระจายเท่านั้นไปทั่วถึงทุกส่วนของอาหาร
นอกจากนี้ สาเหตุที่ไม่แนะนำให้อุ่นไก่ซ้ำเนื่องจากมันมีโปรตีนหนาแน่นกว่าอาหารพวกเนื้อแดง เมื่อนำมาอุ่นอีกโครงสร้างของโปรตีนจะเปลี่ยนไป และส่งผลเสียกับกระเพาะอาหารได้