กล้วยเป็นผลไม้ เบ ๆ บ้าน ๆ ที่อยู่คู่คนไทยมานานแสนนานใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น ปลูกง่าย หาซื้อสะดวก ย่อยง่าย อร่อย ที่สำคัญประโยชน์เพียบเกินราคา!

แต่กล้วยเนี่ยมันก็มีหลายสายพันธ์ุ ทั้งกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหักมุก ฯลฯ เคยสงสัยไหมว่ากล้วยแต่ละพันธุ์นอกจากรูปร่าง กลิ่นและรสชาติจะแตกต่างกันแล้วสารอาหารที่มีในกล้วยแต่ละชนิดจะแตกต่างกันบ้างรึเปล่านะ?

ประโยชน์ของกล้วย

กล้วยไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหนก็ตามจะอุดมไปด้วยสารอาหารมีประโยชน์ร่วมกันมากกว่า 22 ชนิด จากข้อมูลของอดีตอธิบดีกรมอนามัย ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องกล้วย กล่าวว่า "กล้วยแต่ละชนิดเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมีคุณสมบัติหลักเหมือนกัน 5 ชนิดด้วยกันคือ

1.กินกล้วยแล้วมีความสุข

เพราะกล้วยมีสารทริปโตเฟนซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเอ็นโดรฟีนที่ช่วยให้รู้สึกมีความสุข กินกล้วยจึงอารมณ์ดี หากกินก่อนออกำลังกายจะทำให้มีความสุขกับการออกกำลังกายไปด้วย

  2.เป็นอาหารที่ให้พลังอย่างเต็มเปี่ยม

เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี 3 บี 6 และบี 12 วิตามิีซี แคลเซียม โพเแทสเซียม แม็กนิเซียม และน้ำตาลฯลฯ เพิ่มพลังงานให้ร่างกายได้ครบถ้วน

 3.ต่อสู้กับความเครียด ช่วยให้หลับสบาย

เพราะกล้วยมีสารทริปโตเฟนนอกจากกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอ็นโดรฟีนแล้ว ยังเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยทำให้รู้สึกสงบ และผ่อนคลาย กินกล้วยจึงช่วยผ่อนคลายความเครียด กินก่อนอาหารเย็นทำให้หลับสบายและต้านภาวะซึมเศร้าได้

4.ช่วยลดความอ้วนและช่วยเรื่องความงาม

นอกจากคุณค่าทางสารอาหารแล้วกล้วยยังมีไฟเบอร์สูงกินก่อนมื้ออาหารทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ที่สำคัญน้ำตาลในกล้วยจะถกูดูดซึมเข้าสู่กระแสเเลือดง่ายทำร่างกายมีพลังงานเพียงพอจึงลดความยากอาหารได้ทำให้กินข้าวต่อมื้อลดลง และยังมีเบต้าแคโรทีน วิตตามินและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลด้วย

 5.มีสรรพคุณสามารถป้องกันและรักษาโรคได้หลายชนิด

หลัก ๆ คือกล้วยย่อยง่าย ไฟเบอร์สูงจึงช่วยกระตุ้นการขับถ่ายทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ และในทางการแพทย์ยังได้รับการยืนยันว่าเป็นผลไม้ชนิดเดียวที่สามารถป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยของโรคต่าง ๆ ได้ไม่ต่ำกว่า 10-15 โรค 

ที่ทำให้กล้วยแต่ละพันธฺุ์มีความโดดเด่นแตกต่างกันไปคือปริมาณสารอาหารที่มีไม่เท่ากันในกล้วยแต่ละสายพันธุ์ และกล้วยที่กินแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด มีสารอาหารสูงที่สุดต้องยกให้กล้วยน้ำว้า

เพราะอะไรกล้วยน้ำว้าจึงมีประโยชน์กว่ากล้วยหอม ?

ข้อดีของกล้วยหอมนอกจากกลิ่นที่หอมชวนกิน ขนาดลูกใหญ่กินแล้วอิ่มเร็วแล้ว ยังมีปริมาณโพสแทสเซียมและแม็กนีเซียมสูงกว่ากล้วยชนิดอ่ื่น จึงช่วยในการลดอาการอยากนิโคตินในผู้ที่ติดบุหรี่ได้ ดังนั้นใครอยากเลิกบุหรี่ต้องกินกล้วยหอม แต่ราคาแพงกว่า น้ำตาลมากกว่าเพราะต้องกินตอนสุกแล้ว กินนอนห่ามจะทำให้ท้องอืด

ส่วนความว้าวของกล้วยน้ำว้าที่กล้วยหอมให้ไม่ได้ก็คือกล้วยน้ำว้ามีกรดอมิโน อาร์จีนินและฮีสตีดินซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีในน้ำนมแม่ และยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่เทียบเคียงน้ำนมแม่ ดังนั้นคนสมัยก่อนจึงนิยมบดกล้วยน้ำว้าให้เด็กทารกกินเมื่อนมแม่เริ่มหมด นอกจากนี้กล้วยน้ำว้าห่าม 1 ผล มีน้ำตาลประมาณ 1 ช้อนชาเท่านั้น จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักกินได้ในปริมาณ 12 ลูกต่อ 1 วัน เมื่อเปรียบเทียบขนาดกันกล้วยหอม 1 ผลมีขนาดใหญ่กว่าทำให้หากกินมากเกินไปร่างกายจะได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็นทำให้น้ำหนักเกินได้

กล้วยน้ำว้ายังมีแคลเซียมสูงกว่ากล้วยชนิดอื่น ๆ ยิ่งเมื่อถูกความร้อนปริมาณแคลเซียมจะเพิ่มขึ้น 5-6 เช่นเมื่อนำไปปิ้งหรือต้ม สำหรับผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน กินกล้วยน้ำว้าปิ้งจะช่วยเสริมให้ได้แคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนได้

การกินกล้วยน้ำว้ายังถือเป็นการดีท็อกซ์ลำไส้เพราะช่วยให้ถ่ายง่ายและกำจัดแบคทีเรียที่เกิดจากการกินเนื้อสัตว์มากทำให้อุจาระมีกลิ่นเหม็น คุณหมอพรเทพแนะนำว่า ทุกคนควรกินกล้วยน้ำว้า เช้า 2 ลูก เย็น 2 ลูก กินต่อเนื่องจนกว่าอุจาระจะไม่มีกลิ่นถึงถือว่าลำไส้สะอาดลดความเสี่ยงการเป็นโรคกระเพาะ โรคมะเร็งลำไส้และมะเร็งตับ

ในส่วนของการกินกล้วยเพื่อควบคุมน้ำหนัก กล้วยน้ำว่าถือว่าเป็นกล้วยที่ตอบโจทย์และเหมาะสมที่สุด และควรกินกล้วยห่าม เพราะกล้วยที่สุกมากๆจะมีประมาณน้ำตาลเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ทำให้อ้วนและความแตกต่างอีกประการหนึ่งระหว่างกล้วยน้ำว้ากับกล้วยหอมคือ ชนิดของน้ำตาลในกล้วย น้ำตาลในกล้วยน้ำว้าเป็นน้ำตาลเชิงเดียว คือกรูโคสและ ฟรุกโตสซึ่งเมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายนำไปใช้ได้ทันที จึงทำให้รู้สึกมีแรง กินก่อนออกกำลังก็ได้ หรือกินก่อนมื้ออาหารจะทำให้ความอยากอาหารลดลง

ในส่วนของน้ำตาลในกล้วยหอมเป็นน้ำตาลเชิงคู่ เกิดจากการจับคู่ของน้ำตาลเชิงเดี่ยว 2 ตัว จึงต้องผ่านการย่อยก่อนร่างกายจึงดูดซึมไปใช้ได้ ที่สำคัญเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาท้องอืดกล้วยหอมต้องกินตอนสุกแล้ว บอกกับขนาดที่ใหญ่กว่าทำให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลมากกว่าการกินกล้วยน้ำว้าจากที่กินได้ 4-12 ลูกใน 1 วันหากกินกล้วยหอมจะได้ประมาณวันละ 1-2 ลูกเท่านั้น

อยากกินกล้วยน้ำว้าเลือกซื้ออย่างไร

คุณหมอพรเทพแนะนำว่า วิธีการเลือกกล้วยน้ำว้า ควรซื้อหวีที่ลูกกลมไม่มีเหลี่ยมเพราะเป็นกล้วยแก่กำลังกินรสชาติดี เลือกหวีที่มีประมาณ 14-16 ลูก เพราะเป็นกล้วหวีกลางเครือที่ได้รับสารอาการเต็ม ๆ เน้น ๆ ทุกลูก วิธีปอกเปลือกคือกินจากส่วนหัว ซึ่งจะมีรสฝาดจากยางกล้วย ซึ่งคุณหมอพรเทพบอกกว่าเป็นยาวิเศษ เพราะมีส่วนผสมของ เพคติน ส่วนรักษาแผลในปาก ช่วยเคลือบกระเพาะป้องกันการเกิดโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน เมื่อกินจนถึงปลายลูกยางกล้วยจะค่อยๆหมดจนถึงคำสุดท้ายรสชาติจะหวานพอดีทำให้กินได้มากกว่า 1 ลูก

ส่วนวิธีการเก็บรักษากล้วยไว้กินได้นาน ๆ คือ เลือกหวีที่ยังเขียว จากนั้นดึงกล้วยบริเวณก้านออกให้หมดด้วยมือ อย่าใช้มีดตัดเพราะจะทำให้ผลช้ำ แล้ววางทิ้งไว้ในอุณภูมิห้อง วิธีนี้จะทำให้กล้วสุกช้าเพราะแกนก้านกล้วยจะเป็นตัวเปลี่ยนไฟเบอร์ให้เป็นน้ำตาลเร่งให้กล้วยสุกเร็วขึ้น จากนั้นทิ้งไว้จนกล้วยเปลี่ยนเป็นสีอมเหลืองแล้วห่อกระดาษเก็บใส่ถุงแช่ตู้เย็นไว้ จะทำให้เก็บกล้วยไว้กินได้นานโดยไม่งอมเร็วเกินไป หากอยากกินเพียงแค่นำมาวางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องก่อนเข้านอน เช้ามาก็จะได้กล้วยสุกกำลังกินแล้วค่ะ

แอร๊ยยยย ! ประโยชน์เยอะขนาดนี้สาว ๆ คนไหนอยากสวยสุขภาพดี ระบบขับถ่ายไร้ปัญหาต้องรีบออกไปหาซื้อกล้วน้ำว้ามาติดบ้านไว้แล้วค่ะ กินแทนขนมหวานกันไปเลย ที่สำคัญคุณหมอฝากมาบอกว่าแม้ว่ากล้วยจะย่อยง่ายก็ต้องเคียวให้ละเอียดนะคะ รีบร้อนกินนอกจากจะติดคอแล้วอาจทำให้ท้องอืดได้นะเออ อย่าลืมนะคะจะให้ดีต้องกินจนกว่าวันรุ่งขึ้นถ่ายไม่มีกลิ่นนั่นถือว่าบรรลุจุดประสงค์ค่ะ