Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

15 เรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

Posted By sanomaru | 01 ก.พ. 61
24,022 Views

  Favorite

วิวัฒนาการทำให้มนุษย์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ สามารถดำรงชีวิตและสืบพันธุ์ต่อไปได้ ในสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยชาร์ลส์ ดาร์วิน นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษได้เสนอว่า สายพันธุ์หรือสปีชีส์ (Species) สามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่เกิดจากสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ที่มีอยู่ก่อนแล้ว และสปีชีส์ทั้งหมดมีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่ก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่เกิดจากยีนที่ต่างไปจากบรรพบุรุษ ซึ่งสิ่งที่ชาร์ลส์ ดาร์วินเสนอได้ปรากฏหลักฐานให้เห็นในวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ด้วย

 

1. แม้ว่างูจะเป็นสัตว์เลื้อยคลายที่ไม่มีขา และเคลื่อนที่โดยอาศัยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อข้างลำตัวสลับกันไปมา แต่งูบางชนิดกลับยังมีกระดูกสะโพกอยู่ และนั่นเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ครั้งหนึ่งพวกมันอาจเคยมี 4 ขาเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานจำพวกจิ้งจก ซึ่งเป็นญาติสนิทของพวกมันด้วย

 

 

2. วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นในรูปแบบของกราฟเส้นตรง จากสปีชีส์สู่สปีชีส์ แต่มันเหมือนกับต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขาออกไปมากมาย ขณะที่สิ่งมีชีวิตบางสายพันธุ์ก็สิ้นสุดลงด้วยการสูญพันธุ์

 

3. มนุษย์ส่วนใหญ่มีดวงตาสีน้ำตาล จนกระทั่งเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน เมื่อยีนตัวหนึ่งเกิดการกลายพันธุ์จากดวงตาสีน้ำตาลเป็นสีฟ้า จึงทำให้ปัจจุบันมีมนุษย์ที่มีดวงตาสีฟ้าอยู่ประมาณ 8%

 

4. ชาร์ลส์ ดาร์วิน  นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ผู้เป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ ไม่ได้กล่าวว่า มนุษย์มาจากลิง เขาเพียงแต่เขียนว่า ลิงและมนุษย์มีบรรพบุรุษร่วมกันเท่านั้น

 

5. นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ผมสีแดงกับผิวที่ขาวซีดของชาวยุโรปตอนเหนือนั้น เป็นวิวัฒนาการที่ตอบสนองต่อการขาดแสงแดดซึ่งวิวัฒนาการนี้นับเป็นข้อดี เพราะมันช่วยให้ชาวยุโรปตอนเหนือสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้ดีขึ้นกว่าเดิม

 

6. มีการรวบรวมและตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตลอด ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงกล่าวว่า วิวัฒนาการเป็นทั้งความจริงและทฤษฎี

 

7. จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า สีแดงนั้นช่วยลดการตอบสนองที่ไม่เป็นมิตร ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และนั่นเป็นเหตุให้คนเรามีอาการหน้าแดงเมื่อรู้สึกอายหรือแสดงความรู้สึกเสียใจต่อการกระทำใด ๆ ออกมา

 

8. ย้อนกลับไปในอดีตที่มนุษย์ดูคล้ายลิงมากกว่าตอนนี้ เราทุกคนต่างมีหาง แม้แต่ปัจจุบันมนุษย์ทุกคนก็มีหางตอนที่ยังอยู่ในครรภ์ และยังคงหลงเหลืออยู่กระทั่งเราเกิด โดยถูกเรียกว่า กระดูกก้นกบ (tail bone หรือ coccyx)

 

9. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ฟันกราม (wisdom teeth) ซี่ในสุดที่เรามักเรียกกันว่าฟันคุดนั้น เป็นดีเอ็นเอ (DNA) ที่ยังหลงเหลือมาจากตอนที่มนุษย์กินพืชเป็นอาหารหลัก เช่นเดียวกับไส้ติ่งที่เคยเป็นที่อาศัยของแบคทีเรียดีในลำไส้ของมนุษย์ แต่ปัจจุบันเราไม่ได้ใช้งานมันแล้ว

 

10. มนุษย์มีดีเอ็นเอเหมือนกับกล้วยอยู่ 50%-60% นอกจากนี้เรายังมีดีเอ็นเอเหมือนกับไก่ 60% วัว 80% และชิมแปนซี 98% ด้วย

 

11.  มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า นกวิวัฒนาการมาจากไดโนเสาร์ โดยพวกมันสืบเชื้อสายมาจากสัตว์เลื้อยคลาน และยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจระเข้อีกด้วย

 

12. วิวัฒนาการของหูในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสามารถสังเกตได้ผ่านฟอสซิลของปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลื้อยคลาน โดยภายในหูของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประกอบไปด้วยกระดูกเล็ก ๆ 3 ชิ้น  ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากกระดูกขากรรไกรของปลา เมื่อเวลาผ่านไป กระดูกนี้ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่างและหน้าที่ โดยหดเล็กลงและแยกออกจากขากรรไกร ซึ่งวิวัฒนาการดังกล่าวทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีความสามารถในการได้ยินที่เหนือกว่าปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลื้อยคลาน

 

13. ประมาณ 85% ของมนุษย์ ไม่สามารถกระดิกหูหรือควบคุมกล้ามเนื้อออริคิวลาริส (Auricularis Muscles) ซึ่งอยู่บริเวณหูชั้นนอกได้ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในอดีตกล้ามเนื้อส่วนนี้ช่วยให้บรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตกลุ่มไพรเมตขยับหูได้ในทิศทางต่าง ๆ เพื่อหาตำแหน่งที่มาของเสียง แต่ความสามารถนี้ได้หายไปเมื่อมนุษย์เริ่มอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและมีสังคมมากขึ้น

 

14. มนุษย์มีเพียงขนเล็ก ๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตในกลุ่มไพรเมต (Primates) อื่น ๆ ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าเป็นวิวัฒนาการเพื่อให้มนุษย์สามารถหาอาหารในน้ำตื้น ๆ ได้ง่ายขึ้น ระบายความร้อนได้เร็วขึ้น และลดจำนวนปรสิตภายในร่างกาย

 

15. วาฬและโลมาไม่มีขาหลัง แต่บางตัวก็มีกระดูกแปลก ๆ ชิ้นเล็ก ๆ อยู่ในบริเวณที่น่าจะเป็นสะโพกและขาหลังมาก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครั้งหนึ่งพวกมันอาจเคยมีขาและบรรพบุรุษของมันก็เคยเดินได้มาก่อน

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • sanomaru
  • 17 Followers
  • Follow