Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ระบบสืบพันธุ์

Posted By Plookpedia | 06 ธ.ค. 59
7,221 Views

  Favorite

ระบบสืบพันธุ์ 

อวัยวะสืบพันธุ์ของชายและหญิงประกอบด้วย อวัยวะ สืบพันธุ์ภายใน และอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก

อวัยวะสืบพันธุ์ภายในของชาย 

ได้แก่ อัณฑะ (testis) ท่อจากอัณฑะ เซมินัลเวสิเคิล (seminal vesicle) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) รวมทั้งท่อปัสสาวะ

      อัณฑะ รูปร่างคล้ายเม็ดขนุน ค่อนข้างแบน ขนาด ยาว ๔ เซนติเมตร กว้าง ๒.๕ เซนติเมตร หนา ๒ เซนติเมตร อยู่ในถุงอัณฑะทั้งสองข้าง มีปลอกหุ้มสีขาว ภายในเป็นหลอด เล็ก ขดไปมา หลอดนี้เป็นที่สร้างตัวอสุจิ


 

เชิงกรานผ่าซีก แสดงอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและภายในของชาย


      ท่อจากอัณฑะ ส่วนต้นประกอบด้วยหลอดเล็กๆ ขดกันไปมาเรียกว่า เอปิดิไดมิส รูปร่างคล้ายตัวลูกน้ำแก่ๆ ส่วนบน โต ส่วนล่างแคบ อยู่ชิดกับขอบหลังของอัณฑะ ต่อจากเอปิดิไดมิส ก็เป็นท่ออสุจิ (ductus defferens) เริ่มต้นที่ปลายล่างของเอปิดิไดมิส ยาวทั้งหมด ๔๕ เซนติเมตร ส่วนแรกขดไปขดมาอยู่ภายใน ถุงหุ้มอัณฑะ ต่อไปจึงทอดเป็นท่อยาว ๓๐ เซนตเมตร ผ่านมา ที่ส่วนล่างของหน้าท้อง แล้วแทงผ่านผนังหน้าท้องเฉียงเข้าสู่ ช่องเชิงกรานไปอยู่ชิดกับด้านหลังกระเพาะปัสสวะ ตอนที่อยู่ ชิดกับด้านหลังกระเพาะปัสสาวะนี้ ท่ออสุจิจะโตขึ้นเล็กน้อย แล้วเรียวเล็กลงเป็นท่อเล็กร่วมกับท่อจากเซมินัลเวสิเคิล เป็นท่อ ฉีดอสุจิ
 

อัณฑะข้างขวาตัดหนังด้านหน้าออก แสดงให้เห็นภายใน


      เซมินัลเวสิเคิล เป็นต่อมรูปร่างคล้ายถุงยาวๆ ผนัง ไม่เรียบ ยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร อยู่ชิดกับด้านหลังของ กระเพาะปัสสาวะ เซมินัลเวสิเคิลมีปลายล่างเรียวเล็กลงไป ร่วมกับท่ออสุจิเป็นท่อฉีดอสุจิ

อัณฑะและเอปิดิไดมิสข้างซ้าย แสดงให้เห็นท่อเล็ก ๆ ที่นำตัวอสุจิไปสู่ ส่วนหัวของเอปิดิไดมิส


ท่อฉีดอสุจิ เป็นท่อขนาดเล็กเกิดจากการรวมของ ท่ออสุจิระหว่างท่อจากเซมินัลเวสิเคิล ยาวน้อยกว่า ๒.๕ เซนติเมตร ผ่านต่อมลูกหมากไปเปิดสู่ท่อปัสสาวะส่วนในต่อมลูกหมาก

 

ด้านหลังของอัณฑะข้างซ้าย แสดงท่อของเอปิดิไดมิสและท่ออสุจิส่วนตับ


      ต่อมลูกหมาก บางส่วนเป็นต่อม บางส่วนเป็นกล้ามเนื้อ เรียบ หุ้มล้อมรอบส่วนต้นของท่อปัสสาวะในชาย รูปร่างคล้าย พีระมิดเอายอดลง ขนาดสูง ๓ เซนติเมตร กว้าง ๔ เซนติเมตร และหนา ๒ เซนติเมตร ต่อมนี้มีท่อเล็กๆ จำนวนมากไปเปิดสู่ ท่อปัสสาวะส่วนในต่อมลูกหมาก มีหน้าที่หลั่งสารน้ำเลี้ยงตัวอสุจิ และมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่า กรดฟอสฟาเทส (phosphatase acid) ซึ่งในการพิสูจน์การข่มขืนกระทำชำเรา เจ้าหน้าที่จะตรวจหา สารนี้ได้ แม้จะไม่พบตัวอสุจิในช่องคลอดของหญิงก็ตาม นอกจากนั้นยังมีต่อมเล็กๆ สร้างน้ำเมือกมาสู่ท่อปัสสาวะ อีกด้วย

 

เชิงกรานผ่าซีก แสดงอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและภายในช่องเชิงกรานของชาย

 

อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของชาย 

ได้แก่ ถุงอัณฑะ (scrotum) และลึงค์ 

      ถุงอัณฑะ เป็นถุงของผิวหนัง ซึ่งภายในมีอัณฑะ เอปิดิไดมิส และส่วนต้นของท่ออสุจิอยู่ สีของผิวหนังมักจะเข้ม กว่าส่วนอื่นของร่างกายทั่วไป ในผู้ใหญ่มีขนยาวขึ้นอยู่ห่างๆ ตรงกลางเป็นสันของผิวหนังเรียกว่า รอยประสานของถุงอัณฑะ ถุงอัณฑะมีรูปร่างแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แม้ในคนเดียวกันก็ ยังแตกต่างกันได้ในภาวะแวดล้อมต่างๆ กัน ซึ่งขึ้นอยู่กับการหดตัว หรือการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อเรียบในชั้นพังผืดใต้หนัง ถ้า กล้ามเนื้อหดตัวก็ทำให้ถุงอัณฑะเล็กลงและย่นในขณะอากาศ หนาวเย็น ถ้ากล้ามเนื้อหย่อนตัวก็ทำให้ถุงอัณฑะหย่อนยานและ เรียบในขณะอากาศร้อนหรือออกกำลัง ทั้งนี้เพื่อรักษาอุณหภูมิที่ เหมาะสมให้กับอัณฑะที่จะสร้างตัวอสุจิ

 

ลำลึงค์ตัดตามขวาง แสดงส่วนประกอบของลำลึงค์

 

      ลึงค์ ภายในประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ (erectile tissue) ๓ แท่ง ภายในเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้นี้ มีรูพรุนคล้าย ฟองน้ำ เมื่อมีเลือดมาคั่งในรูพรุนนี้เองทำให้ลึงค์มีขนาดโตขึ้น และแข็ง เนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ ๒ แท่งทางด้านบนเรียกว่า คอร์ปัส คาเวอร์โนซุม (corpus cavernosum) มีพังผืดสีขาวหุ้มเป็นปลอก หนา ปลายหน้าของแท่งเป็นรูปกรวย ปลายหลังแยกกันไปยึดติด ที่กระดูก แท่งล่างเรียกว่า คอร์ปัสสปอนยิโอซุม และเป็นส่วน ที่มีท่อปัสสาวะผ่านโดยตลอด ปลายหน้าของแท่งล่างนี้จะแผ่ กว้างออกเป็นส่วนหัวของลึงค์ (glans penis) และหุ้มปลายหน้าของ คอร์ปัสคาเวอร์โนซุม ปลายหลังจะโป่งออกเป็นกระเปาะติดกับ แผ่นเยื่อต่ำกว่ากระดูกหัวหน่าว เนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ ทั้ง ๓ แท่ง ถูกห่อหุ้มด้วยผิวหนังโดยรอบ เยื่อใต้หนังหลวม และไม่มีไขมัน หนังจึงร่นได้ ที่หัวของลึงค์มีหนังหุ้มปลายลึงค์ด้วย

 

: ปลายลึงค์ผ่าซีกตามยาว แสดงส่วนประกอบภายใน


อวัยวะสืบพันธุ์ภายในของหญิง 

ได้แก่ รังไข่ (ovary) ท่อนำไข่หรือท่อมดลูก (uterine tube) มดลูก (uterus) ช่องคลอด (vagina) และอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก รวมทั้งต่อมนมด้วย

 

ด้านหลังของอวัยวะสืบพันธุ์ภายในของหญิง

 
      รังไข่ อยู่ในช่องเชิงกรานทั้งสองข้าง รูปร่างคล้าย เม็ดขนุน ค่อนข้างแข็ง แบน ยาว ๒.๕ -๓.๕ เซนติเมตร หนา ประมาณ ๑.๓ เซนติเมตร มีเยื่อบุช่องท้องยึดขอบของรังไข่ ไว้กับปีกมดลูก ในหญิงโสด แกนตามยาวของรังไข่จะอยู่ ณ แนวดิ่ง และในหญิงเคยมีบุตรแล้ว มักจะอยู่ ณ แนวนอน รังไข่ มีหน้าที่สร้างไข่

      ท่อนำไข่หรือท่อมดลูก เป็นท่อซึ่งเป็นทางนำไข่ที่ สร้างจากรังไข่ไปสู่โพรงมดลูก แต่ละท่อยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ปลายหนึ่งเปิดสู่ช่องท้องใกล้ๆ กับรังไข่ รูเปิด กว้างเพียง ๒ มิลลิเมตร พ้นจากรูเปิด ท่อรับไข่ผายกว้างออกและ แยกเป็นแฉกๆ เรียกว่า ฟิมเบรีย (fimbria) อีกปลายหนึ่งเปิด เข้าสู่มุมบนของโพรงมดลูก ขนาดของท่อมดลูกไม่เท่ากัน ปลายที่ อยู่ใกล้รังไข่จะกว้างยาวที่สุด และคดเคี้ยวเล็กน้อย ส่วนที่อยู่ ชิดกับมดลูกจะมีขนาดเล็กลง สั้นและแคบ 

      มดลูก เป็นอวัยวะที่มีผนังเป็นกล้ามเนื้อเรียบหนา ยื่นจากช่องคลอดขึ้นบนไปข้างหน้า จึงอยู่เหนือกระเพาะปัสสาวะ ส่วนบน ๒/๓ ของมดลูกเรียกว่า ตัวมดลูก รูปร่างคล้ายไข่ แต่ ค่อนข้างแบนจากหน้าไปหลัง และมีปลายมนที่เรียกว่าก้นมดลูก ขนาดตัวมดลูกยาว ๕ เซนติเมตร กว้าง ๕ เซนติเมตร หนา ๒.๕ เซนติเมตร ส่วนล่าง ๑/๓ เป็นรูปทรงกระบอก และขนาดเล็กกว่า มดลูก เรียกว่า คอมดลูก ยาว ๒๕ มิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒.๕ มิลลิเมตร ยื่นผ่านหนังหน้าของช่องคลอดส่วนบน ส่วน ของคอมดลูกที่ยื่นลงไปในช่องคลอด เรียกว่า ปากมดลูก ตรง รอยต่อระหว่างตัวมดลูกกับคอมดลูกจะคอดลงเล็กน้อย กว้าง ประมาณ ๑ เซนติเมตร เรียกว่า รอยคอดของมดลูก

 

มดลูกผ่าให้เห็นภายใน


      โพรงมดลูก เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของมดลูกแล้ว จะมีขนาดเล็ก เนื่องจากผนังมดลูกหนามาก เมื่อมองจากข้างหน้า โพรงมดลูกจะมีรูปเป็นสามเหลี่ยมแต่แคบมากเพราะผนังหน้า และผนังหลังของมดลูกเข้ามาชิดกัน 

      ช่องคอมดลูก ติดต่อจากมุมล่างของโพรงมดลูกถึงรู เปิดเข้าสู่ช่องคลอด รูปร่างคล้ายกระสวย ซึ่งปลายทั้งสองแคบ มากกว่าส่วนกลาง ระหว่างการตั้งครรภ์ ตัวมดลูกขยายโตขึ้นได้อย่าง มากมาย หลังจากการคลอดบุตร มดลูกก็หดตัวเล็กลงทันที แต่ก็ยัง ใหญ่กว่าขนาดปกติ หลังจากนั้นมดลูกก็ค่อยๆ หดตัวลงอย่างช้าๆ เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ จนถึงปลายสัปดาห์ที่ ๘ หลังคลอดจึงจะ มีขนาดกลับมาเท่ากับปกติ

      ตัวมดลูก มีเยื่อบุมดลูกเรียบและหนาเท่ากัน โดยตลอด แต่จะหนามากขึ้นในระยะท้าย ก่อนมีเลือดประจำเดือนทุกเดือน (๒๘ วัน) ในระยะแรกของรอบประจำเดือน เยื่อบุมดลูกจะค่อยๆ หนาขึ้น หลังจากการตกไข่จากรังไข่ เยื่อบุมดลูกก็ยิ่งหนาขึ้น มีเลือดเลี้ยงมากขึ้น ต่อมมดลูกก็โตขึ้น ต่อไปส่วนผิวของเยื่อบุ ของมดลูกก็ลอกหลุด จึงมีเลือดประจำเดือนออก เมื่อเลือดประจำเดือน หมด เยื่อบุมดลูกก็กลับงอกขึ้นมาใหม่จากเยื่อบุมดลูกส่วนลึกที่ยัง เหลืออยู่ วนเวียนกันเช่นนี้ตลอดไปเป็นรอบประจำเดือน

      ช่องคลอด โดยทั่วไปยาว ๙ เซนติเมตร ปลายบน ต่อกับคอมดลูก ปลายล่างเปิดที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ทอดเฉียงขึ้นบนไปทางหลังผนังหน้าและผนังหลังเข้ามาอยู่ชิดกัน ยกเว้นที่ปลายบนมีคอมดลูกสอดเข้ามา ส่วนบนจึงเป็นส่วน กว้างที่สุด คอมดลูกสอดเข้าช่องคลอดผ่านส่วนบนของผนังหน้า ผนังหน้าจึงยาว ๗.๕ เซนติเมตร และผนังหลังยาวประมาณ ๙ เซนติเมตร 

ปลายล่างเปิดสู่เวสติบูล (vestibule) ซึ่งเป็นช่องระหว่าง แคมเล็ก (labia minora) ในหญิงสาวมีเยื่อบางๆ รูปพระจันทร์เสี้ยว หรือรูปแผ่นกลมปิดบางส่วนของปากช่องคลอด เรียกว่า เยื่อ พรหมจารี แต่ในหญิงที่คลอดบุตรแล้ว มักจะเหลือเป็นขอบ กะรุ่งกะริ่งอยู่รอบช่องคลอด ได้แก่ แคมใหญ่ (labia majora) แคมเล็ก และคลิตอริส (clitoris

 

อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของหญิง

 

อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของหญิง

      แคมใหญ่ เป็นรอยนูนของผิวหนัง ทางหลังของ รอยนูนทั้งสองแคบ และเข้าไปชิดกันที่หน้ารูทวารหนัก ทางหน้า ของรอยนูนกว้างและประสานกับอีกข้างหนึ่งเรียกว่า รอยนูน หัวหน่าว หรือเนินหัวหน่าว ซึ่งอยู่บนกระดูกหัวหน่าว เยื่อใต้หนังมี ไขมันมาก ช่องระหว่างแคมใหญ่ เรียกว่า ร่องพูเดนดัล (pudendal cleft)

      แคมเล็ก เป็นรอยนูนของผิวหนังแคบกว่าและเล็กกว่า แคมใหญ่ ไม่มีไขมันในเยื่อใต้หนัง ปลายล่างของแคมเล็ก แนบ ชิดกับด้านในของแคมใหญ่ ปลายบนไปติดกับคลิตอริส โดยแยก เป็น ๒ แฉก แฉกหนึ่งไปประสานกับด้านตรงข้าม คลุมคลิตอริส ไว้เรียกว่า หนังคลุมคลิตอริส (prepuce of clitoris) อีกแฉกหนึ่ง ไปประสานกับด้านตรงข้ามติดกับด้านล่างของคลิตอริส เรียกว่า เฟรนูลัมของคลิตอริส (frenulum of clitoris)

 

เชิงกรานผ่าซีก แสดงให้เห็นอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและภายในของหญิง


      ช่องระหว่างแคมเล็ก เรียกว่า เวสติบูล ซึ่งจะมีรูเปิดของ ท่อปัสสาวะและปากช่องคลอด รูเปิดของท่อปัสสาวะเป็นรูเล็กๆ อยู่หน้าช่องคลอด และประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร อยู่ต่ำกว่า คลิตอริส

รูเปิดของปากช่องคลอดแปรเปลี่ยนไปตามสภาวะของ เยื่อพรหมจารี ถ้าเยื่อพรหมจารียังอยู่ช่องคลอดก็แคบ ถ้าเยื่อ พรหมจารีขาดก็มีขนาดใหญ่ขึ้น 

      คลิตอริส ประกอบด้วย เนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ คล้ายลึงค์ ในชาย แต่ขนาดเล็กกว่ามาก ยาวประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร และ โค้งพ้นไปข้างหน้า ปลายหน้าเรียวเล็กลง และปลายสุดโตขึ้นเป็น

ปุ่มคลิตอริส

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow