ในช่วงวัยเด็กนั้นสิ่งสำคัญที่จะเป็นพื้นฐานในทุก ๆ ด้านของชีวิต ก็คือ การมีต้นแบบที่ดี หรือการมีพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น เพราะความใกล้ชิดและความรักโดยตรงจากพ่อและแม่ เป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กมีความมั่นคงทางอารมณ์ รู้จักรัก รู้จักผิดชอบชั่วดี และที่สำคัญเมื่อเด็กมีความสุข กระบวนการเรียนรู้ของสมองก็จะทำงานอย่างเต็มที่เช่นกัน
โดยส่วนมากพ่อแม่มักจะไม่รู้ว่า พื้นฐานอารมณ์ของลูกจริง ๆ แล้วจะแปรผันตามอารมณ์ของพ่อแม่เป็นสำคัญ ดังนั้นการที่พ่อแม่มีจิตใจที่แจ่มใส มีรอยยิ้มให้ลูกเสมอ จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นเด็กที่มีจิตใจเบิกบาน มีอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใส ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เขาออกไปเรียนรู้และทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับช่วงวัยได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญเมื่อพ่อแม่มีจิตใจที่แจ่มใสและมีความสุขแล้ว พลังบวกเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่ตัวลูก และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นคนดี
การสอนให้ลูกรู้จักให้อภัยตนเองและให้อภัยผู้อื่น ถือเป็นการสอนที่ทำให้ลูกเป็นคนมองโลกในแง่ดี และการมองโลกในแง่ดีก็คือการสร้างความสุขให้กับชีวิตได้อีกวิธีหนึ่ง เด็กที่มองโลกในแง่ดีมักจะมีทักษะการปรับตัวและยืดหยุ่นต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ดีกว่า ซึ่งส่งผลให้ประสบความสำเร็จมากกว่า ทั้งในเรื่องของการเรียนและการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น อีกทั้งยังส่งผลให้จิตใจเบิกบาน มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย
การที่ลูกได้ฝึกการเป็น “ผู้ให้” นั้นจะช่วยทำให้เขาเป็นคนที่สนใจและเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น และลดการยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง (ECO CENTRIC) ที่สำคัญการเป็น “ผู้ให้” นั้นยังเป็นการช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างได้อีกด้วย ซึ่งการที่ลูกมีสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและคนรอบข้างย่อมส่งผลให้ลูกมีความสุขในการดำเนินชีวิต และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตได้อีกด้วย
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.