Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อแผ่นน้ำแข็งยักษ์แตกออก

Posted By Plook Creator | 10 ก.ย. 60
6,436 Views

  Favorite

มีคนกล่าวและมีทฤษฎีมากมายที่อ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภูเขาน้ำแข็ง แม้ว่าภูเขาน้ำแข็งที่เราเห็นอยู่มันจะใหญ่โตและน่าเกรงขาม แต่สิ่งที่เราเห็นอยู่นั้นเป็นเพียง 10-20 % ของสิ่งที่ภูเขาน้ำแข็งเป็น หรือขนาดทั้งหมดของมัน เพราะว่าอีกกว่า 80% ของขนาดทั้งหมดของมันจมอยู่ใต้น้ำซึ่งเรายังมองไม่เห็น และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุซึ่งทำให้กัปตันเรือไททานิกไม่สามารถหักหลบภูเขาน้ำแข็งได้ เนื่องจากเขาเห็นมันในระยะใกล้และไม่ได้เห็นก้อนน้ำแข็งทั้งหมดที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งส่วนที่อยู่ใต้น้ำนี่แหละที่ทำให้เรือต้องจมลง

 

ตัดกลับมาที่การประยุกต์ทฤษฎีเกี่ยวกับภูเขาน้ำแข็งเข้ากับการทำงาน หรือแม้แต่การวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญ สิ่งที่เราเห็นและรับรู้อาจจะเป็นเพียงแค่เล็กน้อยของปัญหาทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ และนั่นทำให้เราต้องคิดและวิเคราะห์อย่างหนักในการแก้ไขปัญหา สิ่งที่เกิดขึ้นในกับโลกปัจจุบันของเราก็ไม่ต่างจากการวิเคราะห์ด้วยทฤษฎีภูเขาน้ำแข็ง โลกร้อนขึ้น การละลายตัวของน้ำแข็งขั้วโลกไม่ได้เป็นเพียงแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาแตกและลอยลงสู่ทะเล เพราะมันมีเบื้องหลัง และมีผลกระทบที่น่ากลัวกว่านั้นซ่อนอยู่

 

กลางเดือนกรกฎาคม 2017 ภูเขาน้ำแข็งยักษ์ที่นักวิทยาศาสตร์เรียกด้วยรหัสว่า แผ่นน้ำแข็ง A-68 จากทวีปแอนตาร์กติกาแตกตัวและหลุดออกมาจากแผ่นใหญ่ มันมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับแผ่นทั้งหมด แต่หากเทียบกับกรุงเทพฯ แล้ว มันมีขนาดใหญ่เกือบ  4 เท่าของกรุงเทพฯ มันแตกออกจากหิ้งน้ำแข็งลาร์เซน ซี (Larsen C) และแม้การแตกจะเกิดขึ้น แต่ในตอนแรกมันยังไม่ได้หลุดลอยออกมา คาดว่าเป็นเพราะน้ำแข็งส่วนที่จมอยู่ยังไม่แตกออกจากแผ่นใหญ่โดยตลอด แต่การหลุดแตกของแผ่นน้ำแข็งที่หนักกว่า 1 ล้านล้านตันนี้ ทำให้พื้นที่ของทวีปแอนตาร์กติกาหายไปกว่า 12% และหน้าตาของทวีปเองก็เปลี่ยนไปตลอดกาล

 

ผลกระทบของการแตกตัวนี้ไม่ได้เป็นแค่การต้องปรับเปลี่ยนแผนที่โลกโดยตัดเอาส่วนที่แตกออกไปจากแผนที่ หรือการคำนวณหาพื้นที่ทวีปใหม่ และมันไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณแสดงถึงความร้อนเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปีเท่านั้น แต่ปริมาณน้ำซึ่งละลายออกมาจากน้ำแข็ง ยังจะทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลจากวารสารวิชาการ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์มากมายกล่าวว่า ผู้คนทั่วโลกที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลและพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่ถึง 33 ฟุต จะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง 2 ใน 3 ของเมืองหลวงและเมืองใหญ่ของโลกล้วนแต่อยู่ต่ำกว่าระดับนี้ทั้งสิ้น และคาดว่าประชาชนกว่า 700 ล้านคน จะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นนี้

 

อย่างไรก็ตามเรายังไม่รู้ว่าเมื่อไรน้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นจนเราต้องอพยพหนีอย่างจริงจัง แต่ผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้อาจจะทำให้ระบบนิเวศที่อ่อนไหวของโลกต้องล่มสลายไปตลอดกาล ขั้วโลกโดยเฉพาะบริเวณน้ำทะลโดยรอบ ซึ่งเป็นน้ำเย็น เป็นแหล่งอนุบาลและเพาะพันธุ์ที่สำคัญของแพลงก์ตอนแหล่งใหญ่ของโลก สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลมากมายทั้งขนาดใหญ่และเล็กต่างพึ่งพิงแพลงก์ตอนเป็นอาหาร และหากน้ำแข็งขั้วโลกหายไป อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น ปริมาณของแพลงตอนก็จะลดลง และส่งผลต่อปริมาณสัตว์น้ำในระบบทั้งหมด


การละลายและแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งหรือภูเขาน้ำแข็งซึ่งเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงของระดับอย่างที่ทฤษฎีภูเขาน้ำแข็งอ้างอิง เพราะปัญหาและผลกระทบที่ตามมาจากการแตกตัว จากการละลาย ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งโลกทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะอุณหภูมิ ระดับน้ำ ปริมาณก๊าซ หรือแม้แต่แหล่งอาหาร แม้ว่าเราจะไม่สามารถทำให้ขั้วโลกมีน้ำแข็งเพิ่มขึ้นได้ แต่การหยุดการละลาย หรือชะลอให้มันช้าออกไปให้ได้มากที่สุด อาจเป็นแนวทางที่จะรักษาโลกของเราไว้ให้ลูกหลานและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในโลกได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 15 Followers
  • Follow