เมื่อเด็กมีทักษะการสังเกตที่ดีก็จะสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในการเรียนได้ดี นำมาสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปต่อยอดใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
การจะฝึกให้ลูกเป็นคนช่างสังเกตนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกเสียก่อน และค่อย ๆถ่ายทอดไปสู่ลูกด้วยการชวนลูกพูดคุยถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นในชีวิตประจำวันและตั้งคำถาม โดยเริ่มจากสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีนิสัยในการมองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวอย่างละเอียดรอบคอบ และเมื่อได้รับการฝึกทุกวัน เด็กก็จะเกิดทักษะการสังเกตขึ้นโดยอัตโนมัติ
ในทุก ๆ วันไม่ว่าจะเป็นในเวลาที่อยู่บ้าน หรือระหว่างการเดินทางไปที่ต่าง ๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตให้กับลูกได้ทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น เวลาอยู่บ้าน เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องการอะไร อาจจะมอบหมายให้ลูกช่วยไปหยิบ แล้วคอยสังเกตว่าลูกสามารถสังเกตลักษณะของสิ่งของที่พ่อแม่บอก และนำมาให้ได้ถูกต้องหรือไม่ หรือในระหว่างทางไปโรงเรียนคุณพ่อคุณแม่อาจจะชวนลูกให้เล่นเกมด้วยการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเกมสังเกตป้ายทะเบียนรถ เกมฝึกอ่านป้ายโฆษณาข้างทาง หรือเกมทายสี รถข้าง ๆ สีอะไร ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ลูกได้ฝึกทักษะกระบวนการสังเกต การมองแยกแยะ ความเหมือน- ความต่าง
การจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นกระบวนการสังเกตก็เป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น การให้ลูกได้เล่นต่อจิ๊กซอว์ ก็สามารถช่วยได้ เพราะก่อนที่จะต่อจิ๊กซอว์ได้แต่ละภาพนั้น ลูกจะต้องมีการสังเกตภาพโดยรวมของจิ๊กซอว์เสียก่อน และเมื่อแยกจิ๊กซอว์ออกมาแล้วต้องสามารถสร้างภาพในสมองได้ว่า ส่วนใดจะนำมาประกอบกับส่วนใด เพื่อให้เป็นภาพที่สมบูรณ์ หรืออาจให้ลูกเล่นเกมสังเกตภาพเหมือน – ต่าง โดยนำภาพมาให้ลูก 2 ภาพ และให้ค้นหาว่ามีอะไรแตกต่างกันบ้าง ซึ่งการได้เล่นเกมเหล่านี้บ่อย ๆ จะช่วยฝึกและพัฒนาทักษะการสังเกตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การมองให้เป็นระบบในที่นี้ก็คือ การมองไล่สายตาจากซ้าย – ขวา / บน – ล่าง ซึ่งการมองไล่สายตานั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยจดจำและเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมทั้งจะทำให้เกิดความรอบคอบในการทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งทักษะนี้มีความสำคัญมากในการเรียน การทำข้อสอบ เพราะจะช่วยให้ลูกทำข้อสอบได้อย่างถูกต้อง และมีข้อผิดพลาดน้อยลง
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.