Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เฮอร์แปงไจนา อีกหนึ่งโรคระบาดตระกูลมือ-เท้า-ปากในเด็ก

Posted By Plook Parenting | 01 ส.ค. 60
4,292 Views

  Favorite

เฮอร์แปงไจน่า เป็นโรคหนึ่งในตระกูลมือ เท้า ปาก มักพบบ่อยในเด็กเล็กที่มีตุ่มหรือแผลในช่องปาก หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องหรือทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนและลุกลามใหญ่โตได้

 

เฮอร์แปงไจน่า (Herpangina) หรือโรคตุ่มแผลในปากเด็ก เป็นโรคที่ติดเชื้อจากไวรัสชนิดเดียวกันกับมือ เท้า ปาก แต่มีอาการที่แตกต่างกันคือจะมีแผลเฉพาะที่ปากเท่านั้น ขณะที่โรคมือ เท้า ปาก จะมีผื่นขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าร่วมด้วย สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางละอองน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ และอุจจาระ กลุ่มเสี่ยงของโรคเฮอร์แปงไจน่าส่วนมากจะเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 10 ขวบ และเจอในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กยังไม่มีภูมิต้านทานของเชื้อนี้ โดยตัวเชื้อจะอยู่ได้นานในอากาศเย็นและชื้น จึงระบาดมากในฤดูฝน แต่ก็สามารถพบได้ในทุกฤดู

 

ภาพ : Shutterstock

 

อาการ

1. มีไข้เฉียบพลัน ไข้อาจสูงถึง 41 องศาเซลเซียส

2. ปวดศีรษะ ปวดตามตัว อาจอาเจียนและเจ็บบริเวณเพดานปาก ภายในลำคอ ลิ้นไก่ หรือทอนซิล

3. ภายใน 24 ชั่วโมง จุดแดง ๆ จะกลายเป็นตุ่มแดงขนาดเริ่มต้น 1-2 มิลลิเมตร แล้วกลาย เป็นตุ่มน้ำขนาด 2-4 มิลลิเมตร มีประมาณ 6 ตุ่ม

4. หลังจากผ่านไปประมาณ 2-4 วัน ไข้จะค่อย ๆ ลดลง แต่แผลอาจคงอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์

 

วิธีการรักษา

1. รักษาตามอาการเจ็บป่วย เพราะโรคเฮอร์แปงไจน่ามักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์

2. เช็ดตัวเป็นระยะเพื่อลดไข้

3. รับประทานอาหารอ่อน ๆ เคี้ยวง่าย กลืนง่าย

4. ให้ดื่มน้ำเย็น นมแช่เย็น หรือไอศกรีม เพราะความเย็นจะช่วยให้บริเวณปากรู้สึกชา ช่วยให้เด็กรับประทานอาหารได้มากขึ้น

5. จิบน้ำบ่อย ๆ เพราะร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ

6. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้ หรือรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เพราะอาจไปกระตุ้นให้แสบแผล หรือเป็นแผลมากขึ้นได้

 

โรคเฮอร์แปงไจน่า จะไม่แสดงผลทันทีที่ได้รับเชื้อ แต่เชื้อจะอยู่ในระยะฟักตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์ คุณพ่อคุณแม่ที่สังเกตเห็นว่าลูกไม่สบาย มีอาการเจ็บคอ เจ็บปาก พบจุดสีแดงภายในปาก หรือมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ อาทิ ไข้สูงลอย กินอาหารไม่ได้ หรือปัสสาวะน้อยและมีสีเข้มผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

 

โรคติดต่อเป็นโรคที่เด็กมักเป็นประจำ ยิ่งเมื่อลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลโอกาสได้รับเชื้อก็ยิ่งสูงตาม ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกให้รู้จักดูแลตัวเอง หมั่นล้างมือให้สะอาด ไอ จาม ให้ปิดปากอยู่เสมอ และอยู่ห่างจากเพื่อนหรือบุคคลที่ไอจามโดยไม่ปิดปาก เพื่อปกป้องลูกน้อยให้อยู่ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บนั่นเอง

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Parenting
  • 8 Followers
  • Follow