เรื่องนี้เป็นการทดลองของ Dr. John Gottman และคณะ University of Washington เพื่อจะพิสูจน์สมมุติฐานว่า "แค่การถกเถียงกันใน 2-3 นาทีแรกก็ทำนายได้แล้วว่าจะหย่ากันหรือไม่" โดยกลุ่มตัวอย่างที่พวกเขาใช้เป็นคู่แต่งงานใหม่ 124 คู่ ซึ่งเพิ่งแต่งกันได้ไม่เกิน 6 เดือน และยังไม่มีลูก จากนั้นเขาจะให้กลุ่มตัวอย่างเลือกประเด็นที่กำลังเป็นปัญหาของคู่ตัวเองมาพูดคุยถกเถียงกันหน้ากล้อง ก่อนเริ่มจะให้นั่งด้วยกันเงียบ ๆ ก่อนสองนาที แล้วค่อยถกเถียงเป็นเวลา 15 นาที จากนั้นค่อยประมวลผลออกมา ดูสัญญาณบวก-ลบ ระหว่างการถกเถียงของคู่แต่งงาน
การทดลองนี้ใช้เวลาติดตามผลอยู่ถึง 6 ปีด้วยกัน พบว่าฝ่ายที่เริ่มการถกเถียงมักเป็นฝ่ายหญิง เรื่องที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดมักเป็นปัญหาเรื่องการเงิน และปัญหาในชีวิตแต่งงาน ส่วนใหญ่อยู่ที่การสื่อสาร เช่น สื่อสารกันโดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
ส่วนสมมุติฐานที่ตั้งไว้เรื่องการหย่าร้างนั้น เมื่อจบการทดลองมีบางคู่หย่าที่กันไป พอกลับมาดูการเถียงกันก็พบว่าพวกเขามักปล่อยสัญญาณลบส่งออกมาตั้งแต่สามนาทีแรกที่พูดคุยถกเถียงกันแล้ว
สัญญาณแง่ลบที่ว่าได้แก่ เริ่มต้นอย่างเกรี้ยวกราด แล้วก็มักจะตามมาด้วยการคุยต่อในแง่ลบไปเรื่อย ๆ ซึ่งกลับกัน ถ้าเริ่มคุยอย่างนุ่มนวลแล้ว เรื่องมักจะเป็นไปในทิศทางบวก และจบลงด้วยดี ซึ่งความเกรี้ยวกราดนี้มักจะเป็นการชอบวิพากษ์วิจารณ์อีกฝ่ายแบบเหวี่ยงแห และไม่บอกที่มาให้เฉพาะเจาะจง เช่น แทนที่จะบอกไปว่าเธอลืมทิ้งขยะนะเมื่อคืนนี้ แต่กลับใช้คำว่า "เธอนี่ช่างขี้เกียจและไม่เคยช่วยงานบ้านเลยสักอย่าง" และเมื่อการวิพากษ์วิจารณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ก็มักจะกลายเป็นการดูถูกกันไปในที่สุด ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งที่รับบทเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ตลอดเวลานั้น เขาก็จะรู้สึกผิดที่ต้องคอยคิดหาคำแก้ตัวมาปกป้องตัวเองอยู่เสมอ และสัญญาณแง่ลบอีกอย่างที่หลาย ๆ คู่มักจะทำก็คือการบ่ายเบียงไม่พูดคุยถึงปัญหา เช่น เดินหนี เลี่ยงที่จะพูด ทำเป็นเงียบไปเสียเฉย ๆ ซึ่งแทนที่จะทำให้ไม่ขัดแย้งหรือทะเลาะ กลับกลายเป็นการปิดบังปัญหา และทำให้ยิ่งไม่เข้าใจกันขึ้นอีก
ส่วนคู่รักคู่ไหนที่เมื่อมีปัญหากันมักจะเคลียร์ได้อย่างมีความสนใจใส่ใจกันและกัน มีเหตุมีผล มีอารมณ์ขัน ยินดีด้วยค่ะ การทดลองพบว่าชีวิตแต่งงานของคนที่มีสัญญาณเหล่านี้มักจะมีความสุขและอยู่กันยืด