เกษตรกรควรมีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับพันธุ์ส้มต่าง ๆ ที่สนใจจะนำมาปลูก ทั้งในลักษณะข้อดีและข้อด้อยของแต่ละพันธุ์ การดูแลปฏิบัติ แหล่งของพันธุ์ส้มที่ดี และวิธีการขยายพันธุ์ เพื่อการปลูก
เนื่องจากส้มเป็นไม้ผลยืนต้นที่จะให้ผลเมื่อมีอายุมากพอสมควร เช่น ส้มเขียวหวานจะเริ่มให้ผลผลิตได้เมื่ออายุเฉลี่ยประมาณ ๓ - ๔ ปีขึ้นไป เกษตรกรจึงจำเป็นจะต้องมีทุนหรือแหล่งของทุนในระยะปีแรก ๆ ของการปลูกซึ่งยังไม่มีรายได้จากการเก็บเกี่ยวผลผลิต นอกจากนี้การลงทุนในการปลูกส้มยังค่อนข้างสูงกว่าการลงทุนปลูกพืชหรือไม้ผลชนิดอื่น ๆ
ถึงแม้ว่าส้มจะเป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคทั่วไป แต่ตลาดกลางของการจำหน่ายยังคงอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง การตัดสินใจเลือกพื้นที่ปลูกจึงต้องมีการพิจารณาความใกล้ไกลของตลาดและความสะดวกของการขนส่งคมนาคมด้วยเช่นกัน
ส้มบางชนิด เช่น ส้มเขียวหวานต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่าส้มชนิดอื่น ๆ และสภาพการปลูกในที่ลุ่ม มีความต้องการใช้แรงงานในการดูแลปฏิบัติงานมากกว่าสภาพการปลูกแบบไร่ซึ่งสามารถใช้เครื่องจักรกลบางชนิดแทนแรงงานคนได้ ดังนั้นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของการปลูกส้มที่อาจเกิดขึ้นได้คือการขาดแคลนแรงงานที่จะดูแลปฏิบัติงาน
เกษตรกรควรสำรวจพื้นที่ที่จะปลูกในเบื้องต้นก่อนว่ามีความเหมาะสมหรือมีแหล่งน้ำชลประทานที่สมบูรณ์เพียงพอหรือไม่ แหล่งน้ำชลประทานควรจะต้องมีใช้ได้ตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งเนื่องจากส้มเป็นพืชที่มีความต้องการน้ำสำหรับการเจริญเติบโตในปริมาณมากเมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น ๆ