ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมก็คือ จะมีมืออาชีพอย่างผู้จัดการกองทุนคอยบริหารเงินลงทุนของเราให้งอกเงย ไม่ว่าจะมีเงินน้อยเงินมากก็ลงทุนได้ โดยจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ตราสารหนี้ หุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ตามนโยบายการลงทุนที่กองทุนกำหนดไว้
เมื่อกองทุนรวมเติบโตและได้รับผลกำไร ก็จะนำเงินนั้นมาปันผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน นี่แหละคือรายได้เสริมจากเงินลงทุนโดยที่เราไม่ต้องลงแรงทำงานให้เหนื่อยเลย และเมื่อสะสมหน่วยลงทุนได้จำนวนมาก ก็จะทำให้มีรายได้ประจำจากการลงทุนหรือ Passive Income เพื่อใช้จ่ายในยามเกษียณหรือในวันที่หยุดทำงานได้
เช่น เป้าหมายคือ ต้องการมีเงินปันผลเดือนละ 10,000 บาทหรือปีละ 120,000 บาท และคิดว่าการลงทุนในกองทุนรวมจะได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผล คิดเป็น 6% ต่อปี ดังนั้น เราก็ต้องมีเงินลงทุนเป็นเงินต้นอย่างน้อย 2,000,000 บาทขึ้นไป จึงจะได้รับเงินปันผลตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ หรือถ้าต้องการเงินปันผลต่อเดือนมากขึ้นก็ต้องเพิ่มเงินต้นให้มากขึ้น หรือเลือกลงทุนในกองทุนรวม ที่คาดหวังว่าจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเองด้วย
เพื่อสะสมเงินลงทุนเป็นเงินต้นที่สามารถสร้างเงินปันผลให้เราได้ตามเป้าหมาย เช่น ต้องการเงินต้นจำนวน 2,000,000 บาท วางแผนการออมให้ได้เดือนละ 5,000 - 10,000 บาท และทยอยลงทุนในกองทุนรวมตามเป้าหมาย สำหรับคนที่มีความพร้อมและเริ่มออมก่อน ก็จะสามารถต่อยอดการลงทุนไปถึงจำนวนเงินเป้าหมายได้เร็วกว่า
เช่น กองทุนรวมหุ้นปันผล กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมหุ้น ระยะยาว (LTF) แบบมีเงินปันผล ซึ่งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอีกด้วย
ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องและเพิ่มจำนวนเงินลงทุนให้มากขึ้น ตามรายได้ของเราที่เพิ่มขึ้น เช่น ในทุกปีกำหนดให้เพิ่มเงินลงทุนอย่างน้อย 10% ต่อเดือน หรือกำหนดให้เพิ่มเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาทต่อเดือน เพียงแค่นี้ก็จะสามารถต่อยอดการลงทุนให้ประสบความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดแล้วก็จะยิ่งได้รับเงินปันผลมากขึ้นจากจำนวนเงินต้นที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ตัวอย่าง : เป้าหมายคือ สะสมเงินต้นเป็นมูลค่าเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นปันผล 2,000,000 บาท เพื่อจะได้รับเงินปันผล เดือนละ 10,000 บาท
แผนออมเงิน : ในที่นี้ขอยกตัวอย่างแผนการออมเงิน 3 วิธี ให้เลือกวิธีที่เหมาะสมกับฐานะการเงินของเรา
วิธีที่ 1 ออมเงินเท่ากันทุกเดือน เดือนละ 5,000 บาท จะใช้ระยะเวลา 14 ปี 5 เดือน
วิธีที่ 2 เริ่มต้นออมเดือนละ 5,000 บาท และเพิ่มเงินลงทุนอย่างน้อย 10% ต่อเดือนทุกปี จะใช้ระยะเวลา 11 ปี 4 เดือน
วิธีที่ 3 เริ่มต้นออมเดือนละ 5,000 บาท และลงทุนเพิ่มเดือนละ 2,000 บาททุกปี จะใช้ระยะเวลา 8 ปี 11 เดือน
(หมายเหตุ : คำนวณจากผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นแบบอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ตั้งแต่ปี 2548-2558 อยู่ที่ 10.46% ต่อปี
จะเห็นว่าคนที่ออมเงินอย่างสม่ำเสมอและมีการเพิ่มเงินลงทุนทุกปี จะไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า ซึ่งหากเราพอใจในเงินปันผล ที่จะได้รับเดือนละ 10,000 บาทแล้ว ก็เลือกได้ว่าจะลงทุนต่อในกองทุนรวมนั้น ๆ ให้ได้เงินต้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือปล่อยให้ เงินลงทุนที่มีเติบโตและสร้างรายได้ประจำให้เราต่อไป
ภาพปก : pixabay