กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble space Telescope:HST) เป็นกล้องโทรทรรศน์ในวงโคจรของโลก ตั้งชื่อขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ "เอ็ดวิน ฮับเบิล" (Edwin Hubble) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันผู้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีกาแล็คซี่อีกมากมายเลยจากทางช้างเผือกออกไป กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลถูกปล่อยสู่วงโคจรนอกบรรยากาศของโลกขึ้นไปกับกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี (Discovery) เที่ยวบินที่ STS-31 ได้สำเร็จในวันนี้โดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA)
การที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลลอยอยู่นอกชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้ได้เปรียบกว่ากล้องโทรทรรศน์ที่อยู่บนพื้นโลก นั่นคือภาพที่ได้จะไม่ถูกรบกวนจากชั้นบรรยากาศ ไม่มีแสงพื้นหลังท้องฟ้า และสามารถสังเกตการณ์คลื่นอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) ได้โดยไม่ถูกรบกวนจากชั้นโอโซนบนโลก ตัวอย่างเช่น ภาพอวกาศห้วงลึกมากของฮับเบิลที่ถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล คือภาพถ่ายวัตถุในช่วงคลื่นที่ตามองเห็น (Visible light) ที่อยู่ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากที่องค์การนาซ่า (NASA) เริ่มมีการส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลขึ้นสู่อากาศ ภาพที่ส่งกลับมายังโลกทำให้นักดาราศาสตร์ได้เห็นถึงความอัศจรรย์ของอวกาศในห้วงลึกซึ่งไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน
โดยการค้นพบของฮับเบิลมีส่วนสำคัญอย่างมากในการปฏิวัติการศึกษาและการวิจัยทางดาราศาสตร์ในยุคปัจจุบัน โดยได้แก้ไขปัญหาดาราศาสตร์ต่าง ๆ ที่เป็นที่สงสัยมายาวนาน พร้อมทั้งเผยให้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ที่จำเป็นต้องสร้างทฤษฎีใหม่ขึ้นมาอธิบาย อาทิเช่น นักดาราศาสตร์ได้ทำการวัดความเปลี่ยนของแสงจากดาวแปรแสงที่อยู่ตามกาแล็คซีต่าง ๆ ซึ่งการวัดความสว่างปรากฏของดาวเหล่านั้นได้ ทำให้นักดาราศาสตร์สามารถทราบระยะห่างของดาวแปรแสงกับโลกรวมถึงระยะห่างของกาแล็กซีที่ดาวแปรแสงนั้นได้อาศัยอยู่ด้วยได้เช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นนักดาราศาสตร์ได้คำนวณผลของอัตราการเคลื่อนที่ของกาแล็กซีได้จากการเลื่อนไปทางแดง (Redshift) จนสามารถทราบถึงอัตราของการขยายตัวของเอกภพ โดยที่เรารู้จักกันใน “ค่าคงที่ฮับเบิล” ข้อมูลของการขยายตัวของเอกภพ นักดาราศาสตร์ใช้เป็นสิ่งที่ใช่ในการสนับสนุนทฤษฏีการกำเนิดของเอกภพ ที่ใครหลายคนรู้จักกันในทฤษฏี “บิ๊กแบง (Big Bang)” เมื่อนักดาราศาสตร์ทราบถึงอัตราการขยายตัวของเอกภพ ทำให้ปัจจุบันเราสามารถคำนวณอายุของเอกภพที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ได้