เรื่อง : เฉลิมชัย แซ่อึ้ง เรียบเรียง : พิษณุกรณ์ เต็มปัน ภาพ : เฉลิมชัย แซ่อึ้ง และ กรกช นาวานุเคราะห์
“ไปโบรโมกันเถอะ” จุดเริ่มต้นในการเก็บข้อมูลอยู่นานก็ได้เวลาออกเดินทางตามหาปลายทางในฝันที่อยากไปมานาน ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากจะไป แม้ว่าระยะทางและเส้นทางที่ไปนั้นออกจะลำบากสักเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค สถานที่นั้นก็คือ ภูเขาไฟโบรโม (Mount Bromo หรือ Gunung Bromo) ซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกว่า ลมหายใจของเทพเจ้า อัญมณีแห่งชวาตะวันออก ความสวยงามที่รอวันพิสูจน์ และ คาวาอีเจียน (Kawah Ijen Volcanoes) อีกหนึ่งสถานที่ที่ยังตรึงใจผมไม่รู้ลืม
โบรโมภูเขาไฟที่ยังหายใจ
ภูเขาไฟโบรโมยังไม่มอดดับและมีการปะทุอยู่เรื่อย ๆ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโมเทงเกอร์เซเมรู บนเกาะชวาตะวันออกของประเทศอินโดนีเซีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในอินโดนีเซียที่นักท่องเที่ยวต่างยกนิ้วให้
ส่วนใหญ่แล้วจะว่าจ้างไกด์ให้เป็นผู้นำทางเพราะง่ายและสะดวก โดยจะติดต่อผ่านเอเจนซี่เพื่อคุยรายละเอียดและตกลงราคากันก่อนเดินทาง แพ็คเกจจะรวมไปถึงค่าไกด์ ค่ารถ ค่าโรงแรม ค่าเข้าชมสถานที่และค่าอาหาร เมื่อผมเดินทางไปถึงสนามบินสุราบายาก็จะมีไกด์มารับและพาไปส่งที่พัก หรือหากจะเดินทางไปเองก็ไปได้ไม่ยากแต่จะต้องศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนออกเดินทาง
คาวาอีเจียนดินแดนกำมะถัน
วันแรกประมาณตีหนึ่ง ผมออกเดินทางจากที่พักเพื่อไปคาวาอีเจียน โดยมีไกด์ขับรถไปส่งที่เชิงเขาของคาวาอีเจียน แล้วจะมีไกด์อีกคนมารับช่วงต่อเพื่อพาขึ้นไปบนเขา ขณะที่ไปถึงเวลานั้นก็ค่อนข้างมืดและเขาก็ค่อนข้างชัน ไปถึงยอดเขาประมาณตี 5 และไกด์ก็จะพาลงเขาเพื่อไปดู Blue Flame ซึ่งเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินจากการเผาไหม้กำมะถันแต่ช่วงที่ผมไปนั้นจังหวะไม่ค่อยดีเห็นเพียงเปลวสีน้ำเงินเป็นริ้วบาง ๆ เท่านั้น แต่ผมก็ยังไม่เฟลไปหมดเพราะจุดนี้เป็นที่รอดูพระอาทิตย์ขึ้น เวลาแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบผิวน้ำบนทะเลสาบที่เป็นสีเขียวมรกตให้สวยงามมากขึ้นกว่าเดิม
หากมองไปที่ก้นปล่องคาวาอีเจียนจะเห็นภาพอีกมุมหนึ่ง คนงานเก็บและขนกำมะถันจากก้นปล่องภูเขาไฟ ซึ่งเป็นภาพชินตาของเหล่านักท่องเที่ยวที่มาไปแล้ว
พิชิตโบรโม
วันที่สองไกด์มารับจากที่พักประมาณตีหนึ่งเช่นเคย เพื่อออกเดินทางไปโบรโม ก่อนขึ้นเขาจะเปลี่ยนรถเป็นรถจี๊ปหรือรถโฟร์วีลเพราะรถทั่วไปไม่สามารถขับขึ้นไปบนเขาได้ จากนั้นต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปถึงยอดเขา Penanjakan จุดชมวิวโบรโมเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น พอแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบนพื้นก็จะมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาไฟโบรโมชัดเจน
กลับลงมาไกด์ก็จะพาไปจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง เป็นอีกมุมที่มองเห็นวิวโบรโมอย่างสวยงาม ความตื่นเต้นเริ่มใกล้เข้ามาอีกเพราะไกด์จะพาลงไปด้านล่างแล้วเดินต่อไปจนถึงไหล่เขา หรือถ้าใครอยากจะขี่ม้าก็ต่อรองราคาจากที่นี่ได้ เมื่อถึงไหล่เขานักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินตามบันไดปูนขึ้นไปบนโบรโมหรือบางส่วนก็อาจจะปีนบนทางดินซึ่งเร็วกว่าแต่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย เมื่อไปถึงข้างบนก็จะได้เห็นภาพปล่องภูเขาไฟโบรโมที่ยังคงมีควันไฟลอยออกมาอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวรอบ ๆ ปล่องภูเขาไฟได้แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเพราะอาจลื่นตกลงไปได้ครับ
จบทริปในครั้งนี้ผมแบกความประทับใจใส่กระเป๋ากลับมา ความแปลกใหม่ของสถานที่ที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อน ความตื่นเต้นที่ได้เห็นภูเขาไฟที่ยังคงมีควันไฟลอยออกมาตลอดเวลา ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่หากไม่เดินออกไปค้นหาก็คงไม่มีวันได้สัมผัสครับ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- กลิ่นแก๊สกำมะถันค่อนข้างแรงมากให้เตรียมผ้าปิดปากปิดจมูกไปด้วย
- หากเดินทางขึ้นโบรโมหรือคาวาอีเจียนในช่วงเช้ามืด อากาศค่อนข้างหนาวควรเตรียมเสื้อกันหนาวและแต่งตัวให้รัดกุม แต่พอสายหน่อยอากาศก็จะเริ่มร้อน