Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Serendipity Serendib

Posted By Plook Magazine | 01 ก.ค. 58
1,457 Views

  Favorite

เรื่องและภาพ: ศรินทร เอี่ยมแฟง

 

Serendipity Serendib


Adam's Peak 

ถ้าแกไปปีนเขากะเรา เราก็จะไปนอนโรงแรมแพง กะแก นั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของเราสองคน หนึ่งคนที่ชื่นชอบงานสถาปัตยกรรมของสถาปนิกระดับโลกชาวศรีลังกา กับอีกหนึ่งคนที่รักการเดินทางแบบผจญภัย ไม่มีสิทธิเลือกบัดดี้นักหรอกสำหรับทริปศรีลังกา ที่ใคร คิดไปว่ามันคงจะสกปรกและร้อนประมาณอินเดีย เนปาล อะไรแบบนั้น

 

 

Kandamala-Sigiriya-Kandy

ยอดเขาสิกิริยา (Sigiriya Rock)


หลังจากคืนแรกในโรงแรมที่ออกแบบโดย เจฟฟรีย์ บาวา (Geoffrey Bawa) ยอดเขาสิกิริยา (Sigiriya Rock) เป็นจุดมุ่งหมายถัดไป ประวัติความเป็นมาของสิกิริยาหรือเขาสิงห์น่าสนใจมาก เคยเป็นพระราชวังของพระเจ้ากัสสปะที่สังหารพระบิดาเพื่อชิงบัลลังก์ และทรงย้ายราชธานีมาอยู่บนสิกิริยาซึ่งใช้เวลาก่อสร้างถึง 7 ปี สุดท้ายเจ้าชายโมคัลาน์ น้องชายต่างแม่ก็ยกทัพมาชิงบัลลังก์คืน พระเจ้ากัสสปะตัดสินใจฆ่าตัวตายอยู่ในพระราชวังบนยอดเขา ต่อมาในศตวรรษที่ 19 ทหารอังกฤษที่เข้ามาปกครองศรีลังกาค้นพบร่องรอยพระราชวัง พร้อมทั้งภาพเขียนสีเฟรสโกของเหล่านางอัปสรที่ยังมีความสมบูรณ์แบบ จึงได้บูรณะไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
 

นางอัปสรบนเขาสิกิริยา

Kandy Lake 

จากสิกิริยาเราให้คนขับรถมาส่งที่ท่ารถในเมืองดัมบูลลา (Dambulla) รถประจำทางไปแคนดี้ (Kandy) ค่าโดยสารแค่ 50 บาท เมื่อเข้าเขตแคนดี้ก็รู้ได้ทันที เพราะทะเลสาบแคนดี้เผยโฉมเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ใกล้กันเป็นวัดดาลดา มัลลิกาวะ (Dalada Valigawa) ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลังกา
 

พระเขี้ยวแก้ว 

พลบค่ำวันนั้นเราเดินเลียบทะเลสาบเพื่อไปสักการะพระเขี้ยวแก้ว อากาศเย็นและมีฝนตกปรอย ๆ แสงไฟจากบ้านเรือนบนเขาสะท้อนผืนน้ำทะเลสาบแคนดี้ เมืองแอ่งกระทะที่มีอุณหภูมิเย็นตลอดปี ออกนอกเมืองไปนิดก็ล้อมรอบด้วยไร่ชาพร้อมด้วยโรงแรมสไตล์ Valley แบบผู้ดีอังกฤษ สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศ

 

Hatton-Dalhousie
 

ตุ๊กตุ๊ก


วันรุ่งขึ้นเราต้องขึ้นรถไฟเที่ยว 11.30 เลยตัดสินใจเหมาตุ๊กตุ๊กเที่ยวรอบเมืองในราคา 200 บาท ได้เห็นเมืองทั้งเมืองจากมุมสูง มีเวลาเดินตลาด แวะซื้อของที่ระลึกและซื้อเสบียงเตรียมไว้บนรถไฟ รวมถึงการปีนเขาคืนนี้
 

รถไฟในศรีลังกา 

การเดินทางด้วยรถไฟในศรีลังกาเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับนักท่องเที่ยวแบบประหยัด อังกฤษวางระบบการเดินรถไฟที่มีมาตรฐานและตรงต่อเวลามาก แม้จะตีตั๋วรถไฟชั้นสาม แต่ทิวทัศน์สองข้างทางคือชั้นหนึ่ง รถไฟแล่นผ่านหุบเขา น้ำตก ทะเลสาบ ไร่ชา โรงงานชาและโรงแรมตากอากาศสุดหรู เป็น 3 ชั่วโมงที่ไม่อาจละสายตาได้เลย เมื่อมาถึงเมืองแฮตตัน (Hatton) เราต้องจ้างรถตุ๊กตุ๊กต่อไปยังหมู่บ้านดาลเฮาซี่ (Dalhousie) เบสแคมป์ของภูเขาศรีบาทา (Sripada) หรือ Adam's Peak สุมิตร คนขับรถใช้ภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นตกลงราคา ก่อนนำกระเป๋าแบ็คแพ็คของเราไปใส่รถตุ๊กตุ๊กเก่าซอมซ่อ เราหันมามองหน้ากันอ่านสายตาได้ว่า พลาดแล้ว แถมพอขึ้นรถได้ไม่นาน ฝนก็ตกหนักจนมองถนนแทบไม่เห็น สุมิตรขับต่อไปตามสัญชาตญาณ
 

ทิวทัศน์สองข้างทาง 

เส้นทางจากแฮตตันไปดาลเฮาซี่ ไม่รู้จะเรียกว่าบ้านนอกหรือสวรรค์บนดิน หลังฝนตกหนักมีหมอกเข้าปกคลุมไร่ชาเขียวขจี อากาศก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดก็มาถึงโรงแรม มีนักท่องเที่ยวเตรียมตัวพิชิตอดัมส์พีคอยู่ไม่ถึง 10 คู่ ข้อมูลการปีนเขาไม่ปรากฏในรีวิวคนไทยเลย เมื่อถามเจ้าของโรงแรมถึงเส้นทางปีนเขา เขาตอบมาง่าย ๆ ว่า "แค่เดินไปทางซ้ายมือ"

 

Adam's Peak
 

Adam's Peak


เวลาตีสองอันมืดมิดและหนาวเหน็บ เราเดินออกมาจากโรงแรมหันไปทางซ้าย ใช้ไฟฉายส่องดูทางซึ่งไร้ป้ายบอก ค่อยอุ่นใจขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกลุ่มคนคุยกันจากด้านหลัง หมาน้อยลุกขึ้นวิ่งนำหน้าพาเราไปจนถึงป้าย Adam's Peak ที่ตั้งอยู่ปลายเบสแคมป์ จากนั้นเราต้องอาศัยแสงไฟฉายจากนักปีนเขาด้านหน้าเป็นตัวนำทาง ความมืดล้อมรอบตัว ได้ยินเสียงลำธารดังสนั่น ร่างกายเปียกโชกจากเหงื่อและน้ำค้าง ฝรั่งที่ตามหลังเริ่มแซงไปข้างหน้า เช่นเดียวกับเพื่อนผู้ชื่นชอบการผจญภัย
 


Adam's Peak 

ไกด์บุ๊คของฝรั่งบอกว่าศรีบาทาสูงเกือบ 2,250 เมตร และต้องเดินเท้าขึ้นเท่านั้น ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้เต็มไปด้วยเรื่องราวความเชื่อ สำหรับชาวพุทธด้านบนคือรอยพระพุทธบาท ส่วนชาวฮินดูก็เชื่อว่าเป็นรอยพระบาทของพระศิวะ ชาวคาทอลิกเชื่อว่ารอยเท้าเป็นของนักบุญโทมัส หนึ่งในอัครสาวกของพระเยซู ชาวมุสลิมก็เชื่อว่านะบีอดัมประทับรอยเท้าไว้ ดังนั้นในช่วงเทศกาลเราจะเห็นแสงไฟจากไฟฉายของผู้คนที่ขึ้นไปแสวงบุญวิบวับเป็นทางยาวไปจนถึงยอด
 

Adam's Peak 

Adam's Peak


เส้นทางช่วงสุดท้ายเป็นบันไดคดเคี้ยวและลื่นมากจนต้องมองแต่ก้าวตัวเอง รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่ยอด Adam's Peak แล้ว นักปีนเขาเกือบ 20 คนประจำที่อย่างสงบ เช่นเดียวกับหมานำทางที่นอนขดตัวพักผ่อนเอาแรง ไม่รู้มันขึ้นมาบนนี้กี่ครั้งแล้ว และมันทำไปเพื่ออะไร มันจะมีความต้องการท้าทายตัวเองเพื่อดึงขีดจำกัดบางอย่างออกมาอย่างเช่นมนุษย์หรือไม่ ฉันก็ไม่อาจล่วงรู้
 

Adam's Peak 


ไม่นานนักพระอาทิตย์ก็ปรากฏ จากแสงสีฟ้ากลายเป็นสีส้ม ดวงอาทิตย์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ท้องฟ้าก็สว่างจนมองเห็นเส้นทางที่เดินย่ำมาตั้งแต่ตีสองจนถึงหกโมงเช้า แทบไม่เชื่อสายตาว่าพาตัวเองขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง ทั้งสูงชัน และไม่มีความปลอดภัยใด ๆ เราใช้เวลาอีกสองชั่วโมงกลับมายังโรงแรม นัดหมายให้สุมิตรมารับกลับไปยังสถานีรถไฟแฮตตันเพื่อกลับไปยังโคลอมโบ (Colombo) สุมิตรบอกเราว่าปีหน้าให้มาที่นี่อีก เพราะเขาพอจะมีเงินซื้อรถตุ๊กตุ๊กคันใหม่ไว้ต้อนรับเราแล้ว

 

Colombo
 

The Gallery Cafe

Geoffrey Bawa residences

Colombo


วันสุดท้ายในเมืองหลวง เราตั้งใจไปเดินเล่นเก็บภาพอาคารสถาปัตยกรรมของ เจฟฟรีย์ บาวา เดินลัดเลาะไปจากมหาวิทยาลัยโคลอมโบกว่าจะถึงจุดหมายพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ที่จริงไม่เพียง “บาวา” เท่านั้น แต่เราประทับใจกับรูปทรงบ้านเรือนท้องถิ่นที่ได้รับอิทธิพลจากบริติช โคโลเนียล ตึกสีขาว ประตูหน้าต่างไม้สีเข้ม เรียบง่ายแต่จริงจัง สิ่งที่ฉันหลงใหลอีกอย่างหนึ่งในโคลอมโบ คือการที่มันตั้งอยู่ติดทะเล และไม่ใช่ทะเลธรรมดา แต่มันคือมหาสมุทรอินเดียที่เราเคยรู้จักผ่านบทเรียนภูมิศาสตร์ รถไฟท้องถิ่นราคาเริ่มต้นที่ 3 บาทเคลื่อนตัวเลียบชายฝั่งทะเลไปเรื่อย ๆ เป็นเส้นทางสายโรแมนติก
 

Galle Face Beach 

Galle Face Beach


เราสองคนเก็บ กัลล์ เฟซ (Galle Face Beach) ไว้เป็นไฮไลท์สุดท้ายของศรีลังกา ชายหาดอันเปรียบได้กับสวนสาธารณะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนท้องถิ่น บัดดี้ของฉันคิดขึ้นได้ว่าในเมื่อเรามีโอกาสชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Adam’s Peak เราก็น่าจะใช้เวลาดื่มด่ำกับพระอาทิตย์ตก ณ มหาสมุทรอินเดีย ที่ Galle Face Hotel โรงแรมที่มีสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคม ค.ศ. 1864 ซึ่งองค์การยูเนสโกจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
 

Colombo 

แสงอาทิตย์อัสดงฉาบสีส้มไปทั่วตึกโบราณสีขาวริมมหาสมุทร พลันนึกถึงแสงไฟสลัวสีส้มบนรถไฟเที่ยวกลับเข้าโคลอมโบ หน้าต่างของรถไฟทำหน้าที่เหมือนจอภาพยนตร์ท่ามกลางความมืด มันฉายภาพบรรยากาศทุกวินาทีของศรีลังกาที่เปลี่ยนแปลงไป ฉันสังเกตเห็นคำว่า “Serendib” สลักไว้บนรูปภาพติดผนัง คำซึ่งเป็นชื่อเรียกเดิมของศรีลังกา ที่ฉันคิดเอาเองว่ามันน่าจะมีรากศัพท์คำเดียวกับคำว่า “Serendipity” ซึ่งหมายถึงความโชคดีเมื่อได้พบเจอกับบางสิ่งบางอย่างโดยบังเอิญ

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow