ภูเก็ตฮกเกี้ยน

เรื่องและภาพ: อารัมภ์พร เอี่ยมวุฒิ

ภูเก็ตฮกเกี้ยน

ภูเก็ตขึ้นชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งอันดามัน ไม่ว่าจะเป็นเกาะพีพี อ่าวมาหยา หาดกะรน หาดบางเทา แม้กระทั่งหาดป่าตอง ผลัดกันติดอันดับ must-see destinations ซึ่งทำให้ชายหาดเหล่านี้ไม่เคยเงียบเหงา ทั้งที่พื้นเพดั้งเดิมของภูเก็ตเป็นเกาะที่สงบเงียบ เมืองเก่าของภูเก็ตซึ่งมีบรรยากาศผสมผสานของวัฒนธรรมไทยจีนและชิโนโปรตุกีสยืนหยัดอย่างสงบท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านยุคสมัย และมีเสน่ห์แบบที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อยนัก

ความเป็นอัตลักษณ์ของเมืองเก่าภูเก็ตดังกล่าวถูกบันทึกและถ่ายทอดไว้ใน พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว พิพิธภัณฑ์ใหม่ในตึกเก่าแก่บนถนนกระบี่ ตัวเมืองภูเก็ตวันนี้

จากโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกในภูเก็ต โดยบรรพบุรุษชาวจีนที่เข้ามาทำเหมืองดีบุก ได้รับการบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์ ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานแบบจีนและยุโรปเข้าด้วยกัน ด้านบนหลังคามีรูปปั้นค้างคาวสีแดง มีความหมายพ้องในภาษาจีนว่า "โอกาสได้ร่ำเรียนหนังสือคือโชคอย่างยิ่ง"

ภายในพิพิธภัณฑ์สองชั้น แบ่งออกเป็น 14 โซน เริ่มจากที่มาที่ไปของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพมายังเกาะภูเก็ต เพื่อทำเหมืองแร่ดีบุกในสมัยรัชกาลที่ 3 และเริ่มสร้างครอบครัวที่บริเวณอำเภอถลาง

บริเวณนี้ชื่อว่า สัมพันธ์ภูเก็ตจีน ภายในมีพระพุทธรูปซึ่งเชื่อว่านำมาจากจีนก่อนมาประดิษฐานที่วัดป่าตอง ยังมีภาพหนังสือรามเกียรติ ฉบับสมุดจีน บันทึกเป็นอักษรไทย ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่ดีของชาวจีนและชาวภูเก็ตท้องถิ่น

ลูกเชอเรือขุดแร่ เป็นเครื่องมือไว้สำหรับตักแร่ดีบุก บริเวณเดียวกันยังจัดแสดงเครื่องแต่งกายของหญิงสาวที่ประยุกต์ระหว่างเครื่องแต่งกายจีนและยุโรป

โซนท้ายๆ บอกเล่าประวัติของตึกต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ในย่านถนนถลาง พร้อมบอกแผนที่แบบอินเตอร์แอคทีฟ และที่ขาดไม่ได้คือ โซนคาวหวาน เล่าถึงอาหารจานเด็ดของภูเก็ตในแบบลูกครึ่งไทย-มาเลย์ ได้แก่ บะหมี่ฮกเกี้ยน และขนมโอ๊ะเอ๋ว

ออกจากพิพิธภัณฑ์พร้อมความรู้ ก็ได้เวลาเดินเล่นชมบรรยากาศจริงบริเวณถนนรอบนอก ทั้งถนนถลางและถนนดีบุก ซึ่งเรียงรายไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์แบบชิโนโปรตุกีส ถ่ายรูปกันเพลิน พร้อมกับถือโอกาสตามหาอาหารภูเก็ตเจ้าดัง