1,179 Views
Favorite
เรื่อง: นฤมล อารีสินพิทักษ์ ภาพประกอบ: พลอยขวัญ สุทธารมณ์
Startup = สิ่งใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน คิดก่อน ทำได้ก่อน ทำการตลาดให้เป็น ก็รวยได้ก่อน
วันนี้ "สตาร์ทอัพ" คือกระแสของสังคมโปรแกรมเมอร์ โปรแกรมเมอร์ที่กำลังช่วยขับเคลื่อนโลกด้วย ซอฟท์แวร์ และ แอปพลิเคชั่น ที่สำคัญลูกค้าที่ใช้อินเทอร์เน็ต ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลก คือฐานลูกค้าที่พร้อมจะใส่เงินเข้ากระเป๋าสตาร์ทอัพ นี่มันเทรนด์การทำธุรกิจแห่งอนาคตชัด ๆ ฟังอย่างนี้แล้วน้อง ๆ หัวไอทีคนไหนที่อยากสนุก ลองมองอนาคตตัวเองไว้กับการเป็นสตาร์ทอัพ มาดูกันหน่อยว่า สตาร์ทอัพเขาเป็นกันอย่างไร มีโอกาสทำเงิน และเราอดทนและแข็งแกร่งพอที่จะเป็นนักธุรกิจทางไอทีได้หรือเปล่า
ไอเดียเทพ สร้างธุรกิจได้
จริง ๆ แล้วสตาร์ทอัพไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะเกิดมาสิบกว่าปีแล้ว เกิดมาพร้อม ๆ กับช่วงที่อินเทอร์เน็ตเริ่มบูม แต่ก็มีอันต้องหายเงียบไปพักใหญ่ และจะกลับมาอีกครั้งในยุคต้น ๆ ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กับเว็บไซต์แนวโซเชียลที่ชื่อ Facebook
เฟสบุ๊กคือปรากฎการณ์ของสตาร์ทอัพแนว geek ซึ่งมีคุณสมบัติในการหมกมุ่นและคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน เริ่มต้นเขียนโปรแกรม ปล่อยให้ทดลองใช้ พัฒนาฟีเจอร์ให้ตอบโจทย์ เมื่อฟีเจอร์มันเวิร์คและใช้ง่าย ฐานของ user ก็เพิ่มขึ้น ๆ จากของใหม่ก็กลายมาเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เติบโตแบบก้าวกระโดดเป็นมหาอำนาจแห่งสังคมออนไลน์
ด้วยเงินทุนเริ่มต้นหลักแสน ปัจจุบันมูลค่าหุ้นอยู่ที่เท่าไรไม่ต้องถามกันให้เสียเวลา เพราะล่าสุดเฮียมาร์กแกเพิ่งออกมาประกาศยกหุ้นเฟสบุ๊กเพื่อสาธารณะประโยชน์ที่ตัวเลขหลักหมื่นล้านยูเอสดอลลาร์!!! ฉลองที่ได้ลูกสาวคนแรก
จุดกำเนิด
Silicon Vallay คือแหล่งรวมของสตาร์ทอัพและนักลงทุน สาระสำคัญของธุรกิจสตาร์ทอัพก็คือ การคิดโปรดักส์ใหม่หรือสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ที่จะเป็นฮีโร่ช่วยแก้ปัญหาให้อะไรที่เคยมีอยู่แล้วนั้นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทำลายวิถีแบบเดิมให้อะไร ๆ มันเร็วขึ้น หรือถูกลง โดยใช้เทคโนโลยีหรือซอฟท์แวร์ เริ่มตั้งต้นจากไอเดีย และเดินหน้าธุรกิจด้วยเงินจากกระเป๋าสตางค์ของคนอื่น
คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นการขายฝัน แต่ความคิดต่าง ความถนัดในเรื่องซอฟท์แวร์ การเริ่มก่อนและเน้นทำตลาดก่อนใครนี่ล่ะ คือจุดขายของสตาร์ทอัพ
ใครกันเอ่ย? นักลงทุนกระเป๋าตุง
Startup นั้นต่างจากการเริ่มต้นทำธุรกิจแบบอื่น เพราะมีประเพณีในการหาเงินทุนด้วยการขอเงินจากนักลงทุน แทนที่จะขอกู้เงินจากธนาคาร หรือระดมทุนจากญาติหรือเพื่อนฝูงอย่างธุรกิจ SMEs ซึ่งเงินทุนที่ได้จะว่าไปแล้วก็คือเงินได้เปล่า วิน ๆ กันด้วยส่วนแบ่งจากรายได้ตามเปอร์เซ็นต์การถือหุ้นที่เราแบ่งให้นักลงทุน ถ้าเกิดธุรกิจไปไม่รอด ก็ไม่ต้องใช้คืน ถือว่าไม่ได้ไปต่อก็แค่นั้น
แต่ส่วนมากนักลงทุนใจดีเหล่านี้ก็เลือกแล้วเลือกอีก ดูทั้งความสดและความแจ๋วของไอเดีย แผนธุรกิจในแง่การทำกำไรระยะยาว ทัศนคติและวิสัยทัศน์โดยรวมของคนที่มาขอทุน บางครั้งก็ดูกันถึงความจริงใจ คุยกันแล้วถูกคอหรือเปล่า สิ่งที่เอามาพรีเซนต์มันเข้าท่าถูกจริตกันไหม บางครั้งก็ยอมเสี่ยงกับสตาร์ทอัพที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ จัดไปเงินทุนก้อนแรกในหลักแสน - ล้าน เพื่อตั้งต้นผลิตโปรดักส์ให้สำเร็จ
ซึ่งธุรกิจที่จะได้รับการลงทุนมักจะมีองค์ประกอบ 2 จาก 3 อย่าง ที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า GEM - Growth, Engagement, Monetization การเติบโต การใช้งานอย่างซ้ำ ๆ และการสร้างรายได้
นอกจากเงินทุนที่จะให้แล้ว นักลงทุนยังให้คำแนะนำเรื่องการทำธุรกิจในแบบมืออาชีพ และให้คอมเมนต์ต่าง ๆ ในการพัฒนาโปรดักส์ด้วย ได้ทั้งเงินและพี่เลี้ยงในเวลาเดียวกัน ชีวิตจะไม่ดีได้อย่างไรหรือ
นักลงทุนทั้ง 3
Angel Investor นักลงทุนอิสระ อยากแบ่งปันโอกาสให้คนรุ่นใหม่ไอเดียกระฉูด นำเงินส่วนตัวมาลงทุน คาดหวังผลตอบแทนสูง แต่เงื่อนไขการเจรจาไม่โหด
Venture Capital นักลงทุนรายใหญ่ มาในนามบริษัทกองทุนที่เอาเงินมาลงทุนในหุ้นต่าง ๆ มีมุมมองการทำธุรกิจที่ดี ช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัพเติบโตได้ สามารถให้ทุนเป็นหลักร้อยล้านกับสตาร์ทอัพที่เริ่มมาได้สักระยะและดูดีมีอนาคตไกล
Strategic Investors บริษัทที่มีธุรกิจอยู่แล้วจริงจัง ต้องการลงทุนในรูปแบบของหุ้นส่วนทางธุรกิจ มุ่งหวังทำกำไรระยะยาว ฉะนั้นจะใช้กำลังภายในช่วยสตาร์อัพทำธุรกิจด้วย
Startup Dream Team
Idea Creator - นักออกแบบ เอาฝันมาคิดต่อ และกล้าที่จะแตกต่าง
Programmer - โปรแกรมเมอร์ แปลงฝันให้เป็นจริง เข้าใจ user ตรรกะต้องมาก่อน
Marketer - นักการตลาด หาตลาดให้เจอ ขายให้ถูกคน ขายให้ถูกเวลา
7 คาถาแห่งความสำเร็จ
1. เลือก Co-Founder ที่เข้าขากัน
2. ทำตลาดก่อนก็ได้ฐานลูกค้าก่อน
3. ต้องรู้ใจ User อย่างถึงที่สุด
4. ต้องมัดใจแฟนพันธุ์แท้ให้ได้
5. เรื่องงานบริการต้องเยี่ยมยอด
6. ถึงไม่ใช่เงินเราก็ห้ามใช้จ่ายแบบมือเติบ
7. อย่าถอดใจกลางทาง และห้ามตายก่อนได้ลิ้มรสความสำเร็จ
