Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

สวยไม่กลัว กลัวไม่สวย

Posted By Plook Magazine | 02 ต.ค. 56
1,397 Views

  Favorite



สวยไม่กลัว กลัวไม่สวย
ค่านิยมความสวยสั่งได้ ที่มาพร้อมกับความเสี่ยง

ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท คุณก็สามารถเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้แล้ว และเงินจำนวนเดียวกันนี้คือราคาของครีมที่อาจเนรมิตให้คุณสวยขึ้นได้ภายในเจ็ดวัน แบบที่โฆษณาสรรพคุณไว้ในเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม โซเชียลแคม โซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลายที่ขยับขยายการใช้งาน กลายเป็นร้านค้าออนไลน์สะดวกซื้อยิ่งกว่าเซเว่น อีเลฟเว่น


ไม่แคร์สื่อ! แม้จะมี “ข่าวฉาว-กระทู้แฉ” ของผู้ได้รับผลกระทบจากการซื้อผลิตภัณฑ์ความงามและอาหารเสริมผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ซื้อและผู้ขายโดยเฉพาะวัยรุ่นวัยเรียนก็ยังผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดไม่เว้นวัน เพราะใครๆ ก็อยากสวยอยากหล่อ ต่อให้ต้องพยายามขนาดไหนหรือต้องเสี่ยงเพียงใด ถ้าผลที่ออกมามันคุ้มค่าการลงทุน คุณก็ย่อมอยากเป็นผู้ชนะ...จริงไหม


ขาวออร่า ขาวอมชมพู หน้าฟู หน้าเงา
เพียงเข้าเฟซบุ๊คส่วนตัว คุณก็จะได้พบกับโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความขาวทุกรูปแบบบนหน้าจอ นั่นเป็นเพราะค่านิยมความสวยหล่อของคนไทยวัดกันที่ผิวขาวๆ ไว้ก่อน

“ผมว่าผิวนะ ถ้าขาวแบบมีออร่าดูเปล่งประกายจะมองทันที ขาวเหลืองก็ไม่ไหว ต้องขาวอมชมพู หน้าไม่มีสิว” เต๋า-วสันต์ สามบุญเรือง เฟรชชี่ปี 1 ม.รังสิต ให้คะแนนความขาวมาก่อน เต๋าเองก็ใส่ใจกับผิวขาวใส ทำให้เขามีประสบการณ์ในการซื้อสินค้าเสริมหล่อทางเฟซบุ๊คและไลน์มาพอสมควร


“ผู้หญิงจะสวยหน้าต้องเป็น วี-เชฟ (V-shape) ผิวขาวอย่างเดียวไม่พอ ต้องหน้าฟู หน้าเงาด้วย ส่วนผู้ชายก็วี-เชฟด้วย หน้าใส ล่ำๆ หน่อย” แจง-เลอลักษณ์ เกิดนวล นิสิตปี 4 ม.ศรีนครินทรวิโรฒ อธิบายเพิ่มเติมว่า หน้าฟู หน้าเงา หมายถึงหน้าเด้งเปล่งปลั่งเหมือนสาวเกาหลี แจงเล่าว่าสมัยก่อนมีผิวคล้ำทำให้เธอเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง โดยหาสารพัดวิธีผิวขาวจากอินเทอร์เน็ต และทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นตัวนี้ที่ขายทางออนไลน์มาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามปีแล้ว ผิวของแจงขาวขึ้นจนเพื่อนๆ ตามไปซื้อมาใช้บ้าง


แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นคนชอบลอง แจงยอมรับว่าต้องพิจารณาเรื่องราคาด้วยเพราะยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง “หนูเคยใช้คอลลาเจนผงชงกิน กลูต้าไธโอนก็เคย ครีมหน้าขาวก็เคย ส่วนอาหารเสริมซื้อตามห้าง สรรพคุณของกลูต้าคือทำให้ผิวขาวขึ้น คอลลาเจนทำให้หน้าใส ผิวอมชมพู ช่วยเรื่องสิว ส่วนครีมหน้าขาวทำให้หน้าฟู หน้าเด้ง ราคากลูต้า 980 บาท คอลลาเจน ตกกล่องละ 450 บาทมี 15 ซอง ครีมจัดเซ็ตมาให้ครบทั้งสบู่ ครีมบำรุงเช้า-เย็น ครีมกันแดด 1,500 บาท”


เช่นเดียวกับแจง เต๋าเคยใช้กลูต้าไธโอนและครีมพอกหน้ามาหลายตัว ทั้งได้ผลและไม่ได้ผล ตอนนี้เขาพอใจกับครีมพอกหน้าที่สั่งซื้อทางไลน์ “ผมเคยซื้อวิตามินกลูต้าราคา 950 บาท ตอนที่ขายเขาถ่ายรูปยี่ห้อบนกล่องมาให้ดู แต่ส่งมาเป็นซองยาไม่มียี่ห้อ กลัวก็กลัวแต่ก็กินเพราะความที่เสียเงินไปแล้วและอยากขาวด้วย ถามว่าขาวไหม ผมกินประมาณสองเดือนมันดีขึ้นจริง แต่พอเลิกกินได้เดือนหนึ่งทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม ผิวบางลงแพ้มากขึ้น โดนแดดก็ดำง่ายกว่าเดิม ตอนนี้ผมซื้อครีมพอกหน้าทางไลน์ กระปุกละ 850 บาท เขามาแอดเราจากอินสตาแกรม แล้วส่งมาโฆษณาให้เราดู ครีมพอกหน้าเวิร์กนะ ผมเลยลองใช้เจลล้างหน้ายี่ห้อเดียวกัน ใช้มาสองเดือนแล้ว”


 

อาชีพเสริมยอดฮิตของวัยรุ่น
สำรวจราคาสินค้าเพื่อความงามในท้องตลาดจะเริ่มต้นที่ 500 บาท ไม่ถูก และไม่แพงสำหรับผู้ซื้อที่พร้อมจะเสี่ยงเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า แต่สำหรับพ่อค้าแม่ขายทางออนไลน์ เมื่อหักลบต้นทุนที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองเรื่องสต็อกสินค้า ค่าเช่าที่ พื้นที่โฆษณา จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะเหตุใดผู้ผลิตรายย่อยจึงยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


เจเจ-บุญยนุช ฮะเจี๊ยะสูนย์ นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ปี 4 และ เบียร์-ชิตพล เสาะแสวง บัณฑิตใหม่จาก ม.ศรีปทุม ทั้งสองเหมือนวัยรุ่นหลายๆ คนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง เจเจเริ่มขายคอลลาเจนทางเฟซบุ๊คได้หนึ่งเดือนจากการชักชวนของเพื่อนสนิท


“เราไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องสต็อกของ ถ้ามีคนสั่งก็โทรไปบอกเพื่อน เราได้ราคาส่ง ที่หนูขายเป็นคอลลาเจนผงกลิ่นมิกซ์เบอร์รี่-รสทับทิม ชงใส่ขวดเชคกินก่อนนอน วันละ 1 ซอง 3,000 มิลลิกรัม ราคากล่องละ 1,950 คุณสมบัติของคอลลาเจน คนคิดว่ากินแล้วจะขาว หนูเคยกินก็ไม่ได้รู้สึกขาว แต่มันจะใสขึ้น กระชับขึ้น”

ขณะที่เบียร์ เจ้าของเซรั่มบำรุงผิว Starlikes ใช้เวลาเกือบหนึ่งปีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวแรก โดยมีคุณอาซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานเครื่องสำอาง เป็นผู้ผลิตและที่ปรึกษา “คนไทยจะชอบขาวไว้ก่อน ไวท์เซรั่มช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใส รูขุมขนกระชับ รอยดำรอยแดงจากสิวจางลง ก่อนที่จะทำคุณอาให้ผมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสารต่างๆ กฎหมายผู้ผลิตและผู้บริโภคกฎหมายโฆษณาที่ว่าด้วยเรื่องขาว ใช้เวลาประมาณเกือบปี มีการแจกให้ทดลอง ปรับกลิ่นจนโอเค เซรั่มขายอยู่ที่ 1,290 บาท”


การเป็นเจ้าของกิจการย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบในตัวสินค้า กรณีการใช้ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวต่างๆ จนเกิดอาการแพ้ขั้นรุนแรงที่ปรากฏในข่าว พ่อค้าแม่ค้าทั้งสองคนเตรียมวิธีรับมือไว้อย่างไร


แจงให้ความเห็นว่าคอลลาเจนอาจจะไม่มีผลข้างเคียง “ครีมมันซึมเข้าไปโดยตรง แต่คอลลาเจนกินเข้าไป ถ้าไม่ดีมันอาจจะไหลผ่านออกไปเลย ไม่ซึมซับ (แต่ถ้ามีคนแพ้?) ก็ต้องคิดแล้วล่ะ เพราะข่าวค่อนข้างเยอะ แต่กว่าจะออกมาขนาดนี้มันก็ต้องมี อย. และเราก็ไว้ใจเพื่อนด้วย” ส่วนเบียร์อธิบายว่าอาการแพ้เกิดขึ้นเป็นปกติ แต่ถ้าแพ้มากเขาก็พร้อมจะรับผิดชอบ “แพ้อาจหมายถึงผดขึ้น แดงขึ้น หรืออักเสบ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งที่สร้างข่าวเพื่อตีอีกแบรนด์หนึ่ง อย่างครีมพอกหน้าผมก็เอาสูตรที่ขายอยู่ในตลาดไปให้ คุณอาดู คุณอาชี้แจงเลยว่าส่วนผสมตัวไหนอันตรายมากน้อย สูตรของผมเน้นไปทางผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติซึ่งถ้าใครแพ้โทรมาได้เลย เรารับผิดชอบ”


เมื่อจำเป็นต้องใช้ตัวช่วย อย. ก็เอาไม่อยู่
ท่ามกลางแบรนด์เครื่องสำอางและประทินผิวในซุปเปอร์มาร์เก็ตและเคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้าง อะไรที่ทำให้หนุ่มสาววัยรุ่นเลือกซื้อสินค้าของผู้ผลิตรายย่อยทางออนไลน์ ไม่เห็นสินค้าจริง ไม่ได้ทดลองใช้ และไม่มีหน้าร้าน


ทั้งแจงและเจเจยอมรับว่า “ค่านิยมสมัยนี้ไม่สวยอยู่ไม่ได้” ส่วนโซเชียลเน็ตเวิร์กมีอิทธิพลทางความคิดไม่น้อย “เดี๋ยวนี้เราตามดารา พริตตี้ เน็ตไอดอลในอินสตาแกรม เราไม่สวยก็ต้องถีบตัวเองขึ้นมา ยังมีเด็กมัธยม เด็กต่างจังหวัดที่ไม่คำนึงเรื่องความปลอดภัย หนูรู้สึกว่าของพวกนี้ขายกับคนที่ทำงานแล้วไม่ได้ เพราะเขาก็จะมีแบรนด์ของเขา หรือเดี๋ยวนี้นวัตกรรมมันเยอะ คนที่ทำงานแล้วหรือมีทุนอาจจะไปศัลยกรรมตามคลินิกไปเลย”


เลขที่ อย. จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไม่ศักดิ์สิทธิ์พอสำหรับวัยรุ่น เพราะการตัดสินใจสั่งซื้อของออนไลน์ดูกันที่รีวิวเป็นหลัก


“เปิดดูจากรีวิวก่อน ถ้ามี อย. แปะก็ทำให้มั่นใจขึ้นมาครึ่งหนึ่ง แต่ครีมพอกหน้าที่ใช้อยู่เป็นของต่างประเทศ ไม่มี อย. นะ ดาราเอามาขาย อันนี้ใช้ดีจริงๆ” เต๋าเปิดเผย ขณะที่แจงให้ความเห็นคล้ายกันว่า “ก่อนจะซื้อหนูก็ดู อย. ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือปลอม แต่มีแล้วก็สบายใจ ดูโซเชียลแคมที่อาจจะไม่ใช่ดาราแต่เป็นพริตตี้ดังๆ อย่างออฟฟี่แม็กซิม เขาเป็นคนธรรมดาเหมือนเรา พอใช้แล้วดูดีเทียบเท่าดาราเลย เราก็อยากใช้ของตามที่เขาแนะนำ ก็จะไปถามคนที่ใช้จริงก่อน ถ้าเขาบอกว่ายังใช้อยู่ก็ซื้อได้”


 

ในฐานะผู้ผลิตและคนที่ชอบทดลองใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นทุนเดิม เบียร์แนะนำว่า “ลองดูหลายๆ ยี่ห้อ จดชื่อมาเสิร์ชรีวิว ถ้าแพ้แล้วประมาณไหน บางตัวทาไปอาจจะแดง แต่จริงๆ แล้วเป็นการปรับสภาพผิว เรื่อง อย. ถ้าเข้าห้างอาจจะกรองมาแล้ว แต่โซเชียลเน็ตเวิร์กมันพูดยาก เอาจริงๆ อย. ไม่ได้บอกว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ดีหรือไม่ดี แค่เป็นการชี้ว่าถ้ามีปัญหาจะมีผู้รับรอง บางคนส่งตัวอย่างเครื่องสำอางไปจดแจ้งกับ อย. แต่กลับมาผลิตอีกสูตรหนึ่งก็มี ให้ดูคนขายว่าน่าเชื่อถือไหม ผู้ผลิตมีไหม บางเจ้าเป็นกล่องเปล่าแปะสติ๊กเกอร์ ถ้าเราเป็นอะไรจะหาตัวได้ไหม” นอกจากนี้เบียร์เปิดเผยข้อมูลอินไซด์ว่า “เครื่องสำอางที่ขายเป็นกิโลแพร่หลายมากขึ้น บางที่อาจจะผลิตหลังบ้าน กวนเองกับมือ แล้วบอกว่ามาจากโรงงาน ซึ่งครีมทั้งหลายสามารถทำเองได้ ใช้วัตถุดิบไม่กี่อย่าง ถ้าหัวดีก็ใส่วัตถุดิบเพิ่ม ซื้อมากิโลละ 200 บาทก็แบ่งขายได้เกือบ 10 ขวดแล้ว”


ผู้เชี่ยวชาญเตือนครีม-อาหารเสริม
เสี่ยงผสมสารอันตราย ย้ำผิวดีมาจากสุขภาพหมอผิง-พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ ชะลอวัยและผิวพรรณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ขวัญใจวัยรุ่นผู้ตอบปัญหาเรื่องการดูแลสุขภาพทางทวิตเตอร์ “@thidakarn” แสดงความเป็นห่วงต่อกรณีการซื้อขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามและอาหารเสริมทางออนไลน์ในปัจจุบันว่า


“ส่วนตัวเป็นห่วงกับการที่เดี๋ยวนี้มีผู้ผลิตรายย่อยออกมาเยอะ มีการซื้อขายโดยอิสระ หมอคิดว่ามันอาจจะอิสระเสรีเกินไป ผู้ผลิตหลายเจ้าไม่ได้มีความรู้พอ แม่ค้าไม่รู้เลยว่าวัตถุดิบมีอะไรบ้าง มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายหรือเปล่า มีสเตียรอยด์ ปรอท หรือโลหะหนักหรือเปล่า หรืออีกกรณีหนึ่งคือเขาตั้งใจใส่เข้าไปเอง เพราะสเตียรอยด์ใช้แล้วขาวเร็ว สิวหายเลย แต่หยุดแล้วจะเป็นเยอะมาก และทำให้ผิวบางลง เสียสมดุลทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนสารปรอทใช้แรกๆ จะขาวแต่ต่อไปจะดำอย่างถาวร แต่ไม่สามารถเหมารวมทุกเจ้าว่าไม่ดี เพราะว่าเภสัชกรที่มีความรู้ก็ผลิตออกมาเองเหมือนกัน จึงอยากให้มีการควบคุมที่ดีกว่านี้จากภาครัฐ”


จากประสบการณ์การรักษาคนไข้ หมอผิงเชื่อว่าการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจดีจะส่งผลให้ผิวดีเอง โดยเน้นการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ต่อผิวพรรณ “พยายามทานให้หลากหลาย ขอยกตัวอย่างสิ่งที่หมอทาน บ่อยๆ อันแรกคือนมถั่วเหลือง มีแคลเซียม มีสารต้านอนุมูลอิสระจำพวกไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ดีต่อผิวพรรณ นมถั่วเหลืองราคาไม่แพง หาซื้อง่าย ถ้าใช้ลดน้ำหนักเป็นอาหารว่างก็ดีเพราะเป็นกลุ่มโปรตีน สอง บลูเบอร์รี่ มีสารต้นอนุมูลอิสระสูง ช่วยเรื่องสมอง สามารถชะลออัลไซเมอร์ และ ถ้าเทียบในตระกูลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่มียาฆ่าแมลงปนเปื้อนน้อยกว่า สาม โยเกิร์ต มีโปรตีน มีโพรไบโอติกคือแบคทีเรียที่ดี ทั้งหมดต้องเลือกแบบน้ำตาลน้อย ไขมันต่ำ”


สำหรับการดูแลสุขภาพผิวหน้า หมอผิงแนะนำให้วัยรุ่นยึดหลัก “Less is more” ได้แก่ การดูแลผิวพื้นฐานเพียงสามขั้นตอน หนึ่งคือล้างหน้าให้ถูกต้อง ไม่ต้องล้างบ่อยครั้ง ใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และไม่ต้องสครับ สองคือการเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว และสุดท้ายคือต้องทาครีมกันแดดทุกวันแม้ไม่ออกแดด

“ความสวยความหล่อด้วยสุขภาพที่ดีเป็นอะไรที่ธรรมชาติและยั่งยืนมากกว่า ถ้าเริ่มต้นสุขภาพไม่ดีแล้ว สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า นอนไม่พอ ไม่ว่าจะ ทำอะไรก็สู้สวยหล่อแบบสุขภาพดีไม่ได้” หมอผิงให้แง่คิดทิ้งท้าย



หมอผิงแนะนำวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมความงามหรืออาหารเสริม
1.อย. เป็นมาตรฐานในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงความปลอดภัย
2.แหล่งที่มา มีหน้าร้าน มีโรงงาน มีปัญหาอะไรตามได้
3.พึงระลึกไว้ว่า ครีมไม่ว่ายี่ห้ออะไร อาการแพ้หรือระคายเคืองเกิดขึ้นได้สำหรับทุกคน ตัวไหนใช้แล้วดีกับผิวของเราก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามเทรนด์ใหม่ๆ
4.อาหารเสริม ฟังดูปลอดภัยแต่จริงๆ แล้วอันตราย ถ้าทานอาหารเพียงพอ วิตามินก็ไม่จำเป็น 

เนื้อหาที่น่าสนใจ
"ก่อนขาวต้องเข้าใจผิว" การ์ตูนความรู้เพื่อสุขภาพจาก อย.
ไวท์เทนนิ่งทำงานอย่างไร
แอนิเมชั่นเรื่อง "ทำไมต้องทาครีมกันแดด"
คุยกับหมอผิงเรื่องการดูแลสุขภาพผิว


ที่มา > นิตยสาร plook 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow