เมื่อเด็กโตขึ้น เขาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอีกมากมาย และบางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็เข้าไปช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ หากเด็กได้รับการฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหาตั้งแต่ยังเล็ก ผ่านวิธีการและกิจกรรมต่าง ๆ เขาก็จะรู้วิธีการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง พร้อมกันนั้นเด็กยังรู้จักอดทนต่อความยากลำบาก ไม่ท้อแท้หรือยอมแพ้ไปก่อน มีความมั่นใจในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ควบคุมอารมณ์และสติของตัวเองได้ดี ช่างสังเกต มีความจำดี และมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ปัญหาที่ดีเยี่ยม
ทุกครั้งที่ลูกพบเจอกับปัญหาไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ควรแนะนำให้ลูกมองปัญหานั้นอย่างใจเย็นและมีสติ เพราะหากลูกปล่อยให้ความวิตกกังวลมีอำนาจเหนือกว่าสติ เขาจะไม่สามารถแก้ปัญหาตรงหน้าได้ และอาจทำให้ปัญหานั้นลุกลามใหญ่โตขึ้นอีกด้วย
เมื่อเกิดปัญหา คุณพ่อคุณแม่ควรถามลูกอย่างใจเย็นถึงสาเหตุของปัญหานั้น ๆ โดยพ่อแม่อาจช่วยอธิบายว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร เพื่อให้เด็กค้นพบสาเหตุของปัญหาด้วยตัวของเขาเอง ทั้งนี้พ่อแม่ไม่ควรให้บรรยากาศการสนทนาตึงเครียดเกินไป เพราะอาจกลายเป็นเพิ่มแรงกดดันให้กับลูกได้ การสวมกอดเขา แล้วพูดคุยกันด้วยเหตุและผลจะช่วยให้ลูกพิจารณาปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
หลังจากเจอสาเหตุของปัญหาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการชักชวนให้ลูกคิดหาวิธีการแก้ปัญหาให้คลี่คลาย ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาอาจมีได้หลายวิธี คุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กอธิบายวิธีการแก้ปัญหาในความคิดของเขา และลองให้แก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยตนเอง โดยมีพ่อแม่คอยแนะนำอยู่เคียงข้าง
เมื่อลูกพบเจอปัญหาที่ยากและใหญ่เกินกว่าจะรับมือไหว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรต่อว่าหรือซ้ำเติมลูก แต่ควรพูดจากันด้วยเหตุและผล ชี้ให้ลูกเห็นว่าสิ่งใดผิดก็ว่าไปตามผิด แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาวิธีการแก้ปัญหาต่อไป สอนให้ลูกอย่าตื่นกลัวหรือตระหนกกับปัญหา แต่ให้เผชิญหน้าอย่างมีสติ และพ่อแม่ควรบอกลูกว่าไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหนพ่อแม่ก็จะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการฝึกทักษะการแก้ปัญหาให้ลูกเพิ่มเติม ควรหากิจกรรมฝึกการแก้ปัญหามาเล่นกับลูก เพื่อให้เขาลองแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเอง พร้อมกันนั้นพ่อแม่ก็จะได้รับรู้ว่าลูกมีกระบวนการคิดอย่างไร และหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อช่วยชี้แนะและแนะนำให้เขาแก้ปัญหาได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมความมั่นใจให้ลูกมากขึ้นอีกด้วย