Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ป๋อมแป๋ม เทยเที่ยวไทย ครีเอทีฟนักเที่ยว

Posted By Plook Magazine | 09 พ.ค. 59
6,612 Views

  Favorite

เรื่องและภาพ: กัลยาณี แนวเล็ก

ป๋อมแป๋ม เทยเที่ยวไทย
ครีเอทีฟนักเที่ยว


จากครีเอทีฟรายการเพลงที่มีความรู้ในงานเบื้องหลังการทำรายการเป็นศูนย์ แต่ใช้มุมมองของคนดูรายการทีวีในการครีเอทีฟงานจนทำให้รายการประสบความสำเร็จ แต่รายการที่ปังและเปรี้ยงสุด ๆ จนกลายเป็นนามสกุลของพิธีสุดแซ่บไม่มีใครไม่รู้จัก เทยเที่ยวไทย รายการท่องเที่ยวที่ไม่มีสคริปต์ ฉีกกฎทุกอย่างของการทำรายการทีวี ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อนสาว ด้วยยีนของนักท่องเที่ยวบวกกับดีเอ็นเอครีเอทีฟของ ป๋อมแป๋ม - นิติ ชัยชิตาทร พิธีกร ครีเอทีฟและโปรดิวเซอร์รายการเทยเที่ยวไทย พ่วงรองผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการของบริษัท GMM TV ทำให้เทยเที่ยวไทยยังเป็นที่รู้จักและมีแฟนรายการเหนียวแน่นเสมอมา

อย่าเพิ่งตัดสินไลฟ์สไตล์การเดินทางท่องเที่ยวของครีเอทีฟสุดแซ่บคนนี้ จนกว่าคุณจะได้อ่านบทสัมภาษณ์ที่บอกถึงตัวตนจริง ๆ ของเธอ



จุดเริ่มต้นของงานครีเอทีฟ
เข้ามาตอนที่เขาจะผลิตรายการ Five Live เขาก็หาครีเอทีฟอารมณ์กวาดต้อนเชลยศึกเข้ามา ผ่านตั้งแต่รอบที่เราคุยกับเขาแล้วละติจูดตรงกัน เราก็ใช้ความเป็นคนดูในการขายงาน ขายตัวเองจนได้เข้ามาทำงาน โดยที่เรามีความรู้เป็นศูนย์มาก แต่จุดที่เริ่มรู้สึกว่าอุ๊ยเราอยากพัฒนาตัวเอง มันไม่ใช่แค่ชอบแล้ว พอเราทำชิ้นต่อมาเริ่มรู้สึกอยากทำให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ไปอีก มันเลยรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่เราแค่ชอบงานนี้พอเรารักมันก็จบ แต่กับงานครีเอทีฟพอเรายิ่งทำยิ่งอยากทำให้มันดีขึ้น ทำให้มันเก่งขึ้น ทำได้สามเดือนพี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) ก็ให้ทำเทปพิเศษเป็นพี่เบิร์ด ธงไชย ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไร ดิวกับศิลปินเบอร์ใหญ่ไม่ถูก แต่เราก็ลองทำแล้วมันโอเค คนเขาก็ชมมา รู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ความภูมิใจ แค่รู้สึกว่างานต่อไปเราต้องดีขึ้น ใหญ่ขึ้น เจ๋งขึ้น เนี้ยบขึ้น ก็เลยรู้สึกว่าไอ้ความรู้สึกนี้ที่อยู่กับเรามาตลอดจนรู้สึกว่า เออ อันนี้มันไม่ใช่แค่ความรัก แต่มันจะเป็นตัวตนของเรา เหมือนกับชีวิตของเราก็พัฒนาให้ดีขึ้น เก่งขึ้น


จากครีเอทีฟรายการเพลงมาเป็นท่องเที่ยว
จริง ๆ เป็นคนเที่ยวเองปกติอยู่แล้ว เราจะแพลนปีหนึ่งจะชอบหนีไปเที่ยวไกล ๆ มันก็มียีนท่องเที่ยวอยู่ในตัว จนบริษัทอยากทำรายการท่องเที่ยวขึ้นมา จากคีย์เวิร์ดที่เจ้านายให้มาเขาต้องการรายการท่องเที่ยวที่มันสนุก คนอื่นคงไปตีโจทย์ว่าท่องเที่ยว แต่เราตีโจทย์คำว่าสนุก อะไรมันคือสนุก แต่ถ้าเขาบอกว่าอยากได้รายการท่องเที่ยวที่สนุก แสดงว่ารายการท่องเที่ยวที่มีอยู่มันไม่สนุกหรอ จริง ๆ มันก็ไม่ใช่ว่าไม่สนุก เพียงแค่เรารู้สึกว่ามันจับต้องไม่ได้ไปนิดหนึ่ง มันเป็นรายการสำหรับดูแล้วก็ดู เรารู้สึกว่ามันไม่ตอบโจทย์การเป็นรายการทีวี มันควรจะต้องสนุก แต่ละรายการก็มีเนเจอร์ของเขา มีข้อดีของเขา แต่รู้สึกจุดร่วมที่หายไป มันไม่มีบรรยากาศ คือคนดูเหมือนดูไกด์มานำเที่ยว แต่คนดูไม่ได้รู้สึกว่าได้เที่ยวไปด้วย ก็เลยหยิบที่มันหายไปในรายการท่องเที่ยวบ้านเรามาใส่ไว้ในรายการ


การเลือกสถานที่เอามานำเสนอในรายการ
มีหลายองค์ประกอบจากหลายฝ่ายด้วยกัน ในส่วนพิธีกรเองพูดตรง ๆ ว่าเอาอยากเป็นหลัก เห็นแล้วสวย น่าไปก็ไป ก็ต้องมองในเชิงคอนเทนต์กับคนดูด้วยเหมือนกัน ถ้าในเชิงคอนเทนต์บางสถานที่ เช่น วัด เราก็เลือกที่จะเลี่ยง ๆ หน่อยเพราะว่าขี้เกียจไปนั่งระวังปากระวังคำหรือไปนั่งสำรวม ก็จะรู้สึกอึดอัด ในส่วนทีมงานบางสถานที่ เช่น ค่อนข้างมีความลำบากมากในการต้องไปถ่าย ลำบากขอ ลำบากติดต่อ ลำบากกฎเกณฑ์ เราก็ละ ๆ ไว้ก็ได้ กับอีกอย่างหนึ่งคือ รายการรันทุกอาทิตย์ สถานที่ท่องเที่ยวค่อนข้างที่จะมีในเรื่องการวางลำดับออนแอร์ ก็ต้องไม่ให้ซ้ำกัน เราไปธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ แอดเวนเจอร์ แล้วเราไปกินหรูให้มีความหลากหลายนิดหนึ่ง โชคดีที่ทรัพยากรบ้านเราค่อนข้างเอื้อกับเรื่องอย่างนี้ แต่หลัก ๆ คือเอาตามอยาก ขอมีน้ำ มีไฟ มีห้องน้ำ มีเตียงนอนที่ยุงไม่เยอะอะไรอย่างนี้ก็โอเคแล้ว
 



จุดแข็งของเทยเที่ยวไทย
รายการนี้เป็นรายการท่องเที่ยวที่ไม่ได้เน้นสถานที่ท่องเที่ยว ตัวมุมขวาล่างตัวเหลือง ๆ ที่บอกว่าไปที่ไหนมันเป็นข้ออ้างในการไปเปลี่ยนที่คุยเท่านั้นเอง เราเริ่มต้นด้วยเรื่องบรรยากาศการเดินทางมากกว่าเรื่องของจุดหมายปลายทาง ซึ่งเราก็รู้สึกว่าตรงนี้เป็นจุดแข็งที่สำคัญแล้วก็ทำให้รายการต่างจากรายการอื่น ๆ ค่อนข้างเยอะ ทุกคนในทีมจะมีคำในหัวตลอดเวลา เพราะว่ารายการท่องเที่ยวที่ถ่ายทอดบรรยากาศ อะไรที่มันอยู่ในรายการที่เอื้อต่อบรรยากาศที่สนุก แฮปปี้ มันก็จะเอามาใส่ได้หมด ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะทำให้ตำราการทำรายการโทรทัศน์มันผิดเพี้ยนไปหมดเราก็ยอม ซึ่งก็เป็นข้อสองที่ทำไมรายการนี้ไม่เหมือนรายการอื่น คือรายการเทยเที่ยวไทยมันมีการถอดรื้อโครงสร้างรายการที่ควรจะเป็นอยู่ประมาณหนึ่งอาจจะเป็นเพราะทุกคนที่ทำรายการนี้ไม่มีใครมีความรู้เรื่องของวิชาโปรดักชั่นเบื้องต้นเลยสักคน


ทำไมรายการนี้ไม่มีสคริปต์
แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีสคริปต์เพราะเขียนไม่เป็น เราเคยลองทำแล้วมันไม่เหมาะไม่เวิร์ก ดูแข็ง ๆ เราไม่ใช่นักแสดง พอต้องมาพูดสคริปต์ในรายการท่องเที่ยวต้องเล่นเป็นธรรมชาติ มันดูปลอมมาก แล้วก็เคยพยายามปั้นมุมสวย เก็บภาพสวยมันเฟคมาก ปลอมมาก นึกภาพเวลาเราไปเที่ยว สายตาของเราก็ควรที่จะเห็นภาพที่มันธรรมดา เราพบว่าการปั้นช็อตไม่เวิร์กหรือว่าหลายครั้งบรรยากาศกำลังสนุกแต่การถ่ายมันเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งที่อื่นก็ต้องหยุดแล้ว หรือถ้าถ่ายไปแล้วย้อนแสงก็คงต้องมีการสั่งคัท แต่เราพบว่ามันไม่เป็นไรตราบใดที่บรรยากาศของรายการโอเค คนดูจะเก็ตเรื่องของบรรยากาศมากกว่าเก็ตว่าภาพย้อนแสง จนทำให้เป็นรายการที่ไม่มีคุณภาพในด้านการถ่าย ไม่มีอะไรตรงตามตำราของการทำรายการโทรทัศน์เลย มันก็จะมีความขบถอยู่ตามประสากะเทย เช่น เรื่องของคำหยาบ ก็ไม่เคยเห็นรายการไหนพูดได้คล่องปากขนาดนี้ แต่คนดูก็เก็ตไงว่าเราทำอะไรอยู่ ไม่ได้เสนอความหยาบถ่อย เราไม่ทำเพราะทำแล้วมันไม่เวิร์ก โจทย์รายการที่เหมือนเที่ยวกับเพื่อน ดีใจมากนะเวลาฟีดแบ็กคนดูหรือว่าคำชมที่เขาบอกว่าดูรายการนี้แล้วเหมือนได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเลย นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจตั้งแต่แรก ตัวพิธีกรสี่คนเราก็ตั้งใจให้เป็นเพื่อนกับคนดู เราก็จะไม่หยิ่ง ไม่แสนดี ไม่แอ๊บ ทุกคนก็จะมีข้อดีและข้อเลวที่เราพร้อมที่จะนำเสนอ ให้รู้สึกว่าก็เหมือนเพื่อนของเราว่าแบบเพื่อนของเราก็มีแบบนี้ ซึ่งคนดูก็เข้าใจจุดนี้


สิ่งที่ต้องการให้คนดูได้รับจากรายการนี้
เราอยากให้เขาได้ความสนุก เรารู้สึกว่าเราทำรายการโทรทัศน์จุดเริ่มต้นของทีวีมีเพื่อพักผ่อน บันเทิง สนุกสนาน ไม่ได้หมายความว่ารายการทีวีต้องไร้สาระ ต้องบันเทิงเท่านั้น เมื่ออยู่ในทีวีแม้จะมีสาระยังไงคุณก็ต้องมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องให้มันสนุก ไม่ได้หมายความว่าตลกอย่างเดียว มันอาจจะมี dramatic บางอย่าง สำหรับเทยเที่ยวไทยอยู่ในพาร์ทของความสนุก แง่ของความรื่นเริงสนุกสนาน บันเทิง อันนี้คือสิ่งที่เราอยากให้เขาได้ในตอนต้น แต่มีอีกจุดประสงค์หนึ่งที่เป็นจุดประสงค์รองแต่อิมแพคที่ได้มันดีมากเลย คือด้วยความที่เป็นกะเทยสามคน เราอยากให้คนดูมองเห็นกะเทยว่าปกติ เป็นคนธรรมดา ไม่ได้เรียกร้องให้เขาเข้าใจสิทธิ ความต้องการแฝงในช่วงแรกของการทำรายการ เราอยากให้คนดูเก็ตว่าจริง ๆ รอบข้างก็มีกะเทยอยู่ แต่งตัวเหมือนกับเรา ไม่ได้ต้องใส่ขนนก ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แล้วพอรายการออนแอร์ไปได้สักพักหนึ่ง ฟีดแบ็กที่คนดูบอกกลับเข้ามาจะค่อนข้างเยอะ เขาจะมีมุมมองต่อกะเทยที่เปลี่ยนไป เขาไม่ได้มองว่ากะเทยเก่ง ไม่ใช่อย่างนั้น เขามองกะเทยในภาพที่บวกขึ้น หรืออย่างน้อยก็ลดทอนความลบที่มีต่อคนที่เป็นเพศที่สามเยอะขึ้น


อะไรที่ทำให้รายการเป็นที่ยอมรับและอยู่มาได้นานขนาดนี้
ป๋อมแป๋มฟังคนดูเยอะมาก แต่ทำตามหรือเปล่าอีกเรื่องหนึ่ง มันจะมีการดีเบตตลอดเวลาระหว่างความต้องการของคนดูกับความต้องการของทีมงาน ตัวเราและทีมก็จะเป็นคนบาลานซ์หาจุดพอใจทุกฝ่าย ซึ่งจุดนี้ก็เลยทำให้คนดูผูกพันคือแฟนรายการห้าปี เป็นแฟนเหนียวแน่น ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะเราฟังเขาจริง ๆ ไม่ได้ฟังแบบขอเสียงหน่อย เฮ้ แล้วก็แฮปปี้ แฟนรายการเขาทำหน้าที่เหมือนเป็นเจ้าของรายการ มีอะไรเขาฟีดแบ็กตรง เราเปิดช่องทาง inbox page เทยเที่ยวไทย แล้วทีมงานได้อ่านหมด อันไหนที่เราเห็นด้วย เราแคร์นะ เราก็พร้อมแก้ พร้อมปรับตามความต้องการของคนดู ทำให้เขาเองรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในรายการจริง ๆ รู้สึกผูกพันและยังดูอยู่


นิยามคำว่าเที่ยว สำหรับป๋อมแป๋ม
เที่ยวมันเป็นกิจกรรมอย่างเดียว ที่เอาเงินไปเหวี่ยงกับเรื่องที่มันไม่ได้อะไรคืนมาเป็นชิ้นเป็นอัน เที่ยวมันเป็นเรื่องสิ้นเปลือง ต้องยอมรับ การเที่ยวเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเพราะฉะนั้นป๋อมแป๋มจะมีปัญหามากกับการรีวิวการเที่ยว การเที่ยวญี่ปุ่นด้วยเงินสามพันบาท คือการไปเที่ยวแล้วอวดว่าไปแล้วถูกอะไรอย่างนี้มันไม่ใช่ การเที่ยวคือสิ่งที่นอกเหนือจากเวลางาน อย่ามาข้องแวะกัน การทำงานเพื่อเก็บเงินเพื่อประหยัด ท่องเที่ยวมันต้องมีความสุรุ่ยสุร่าย การทำงานมัน for someone's sake เที่ยวมันต้อง for your own sake ตอนไปทำงานภูทับเบิก นี่โกรธมากต้องไปขอเขาฟรี ไม่มีเงินทำงาน เราจึงเชื่อว่าการเที่ยวมันต้องทำเวลาว่าง ลางาน การเที่ยวเป็นเรื่องสิ้นเปลือง เวลาเราไปช้อปปิ้งยังได้ข้าวของมาเป็นชิ้น แต่การไปเที่ยวมันไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเลย แล้วมันต้องไปเสีย ๆ เพราะฉะนั้นการไปเที่ยวคือการไปเสีย สิ่งที่ได้กลับมาคือประสบการณ์ความรู้สึกแบบอิ่มเอิบหรือการผ่อนคลายสมองบางอย่าง เพราะฉะนั้นถ้าเราไปเที่ยวแล้วมานั่งคำนวณเป็นตัวเงินเลือกเอาคุ้มเลือกเอาประหยัดป๋อมแป๋มจะโกรธมาก แล้รู้สึกว่ามันผิดจุดประสงค์การไปเที่ยว ซึ่งวัฒนธรรมแบบนี้มันไปกันใหญ่แล้ว ทุกวันนี้แบบตั๋วเครื่องบินโปรศูนย์บาท ไปขอซื้อ ๆ อยากไปจริงหรือเปล่า คือสรุปได้ตั๋วเดินทางมาเดี๋ยวค่อยคิดว่าเดินทางไปไหนดี เวลาเราจะไปเที่ยวมันต้องตรงข้ามกัน เฮ้ยอยากไปเที่ยวที่นี่แล้วเราค่อยแบบหาข้อมูลที่ทางแล้วซื้อตั๋วเครื่องบินอย่างนี้หรือเปล่า แต่เดี๋ยวนี้ตั๋วเครื่องบินมันถูกไปซื้อไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปเที่ยวที่ไหนค่อยว่ากัน


มองการท่องเที่ยวเป็นยังไง
เวลาไปเที่ยวเราชอบมองในฐานะเราเป็นนักท่องเที่ยว ในฐานะของผู้ไปใช้บริการ เราทำรายการนี้มาห้าปีรู้เลยว่า การท่องเที่ยวมันใช่เรื่องเล็ก การท่องเที่ยวมันเป็นเศรษฐกิจมหภาค มันมีคนที่รอให้บริการเราอยู่ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราไปเขียมใส่การเที่ยว เรื่องระบบการท่องเที่ยวของเรา เศรษฐกิจท่องเที่ยวของเราจะพัง จะเบี้ยว แล้วเราต้องคิดถึงคนที่ให้บริการ อันนี้เป็นความคิดของเรานะ เคยมี ททท. ถามด้วยมาเก็บข้อมูลเรื่องว่าเขาอยากจะท่องเที่ยวสำหรับคนรายได้น้อย ตั๋วเครื่องบิน เรื่องรถ มันควรจะลดราคาลงมาไหม ถ้าเขายังไม่มีเงินเขาก็ทำงาน อันนี้ไม่ได้ดูถูกแต่เรามองว่าไม่มีตังค์ก็ต้องทำงานเหลือเงินค่อยไปเที่ยวไม่ใช่ยังไม่มีก็จะไปเที่ยว แล้วไปกดราคาคนนู้นคนนี้เราว่ามันผิดจุดประสงค์
 


คิดว่าตอนนี้เราเป็นไอดอลในเรื่องเที่ยวได้ไหม

ไม่ได้ (ฮา) เพราะไม่มีความรู้เลย สองร้อยสี่สิบเทปมีความรู้ในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวน้อยมาก เพราะไม่ได้สนใจเลย ให้คำแนะนำได้บ้างว่าถ้าอยากจะไปอารมณ์นี้ไปตรงนี้ได้ แต่ว่าอย่างหนึ่งที่รู้สึกภูมิใจว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี เวลาเราไปเขามีกฎอะไรก็จะไม่ทำผิดกฎ เราไม่ทิ้งขยะมั่ว ๆ หรือการไปทำลายสถานที่ท่องเที่ยว หรือจิตสำนึกในการรักษาสถานที่ท่องเที่ยว จากการทำงานจนมาถึงตอนนี้รู้สึกว่าคนมีเยอะเกินไป เราก็ชอบไปโกรธเขาถ้าเห็นทำผิดกฎ ในแง่ของจริยธรรมในการเป็นนักท่องเที่ยวก็อาจจะได้เพราะอันนี้เรารู้สึกภูมิใจว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี


เป็นคนชอบเที่ยวแบบไหน
จริง ๆ เราชอบเที่ยวคนเดียวแต่ไม่ใช่แบ็กแพ็กเกอร์เป็นคนรักสบาย เป็นคนชอบหนีไปเที่ยวคนเดียว คือป๋อมแป๋มถ้าเที่ยวก็จะไม่ทำงานเลยเพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวก็จะพยายามให้มันช้า สโลว์ไลฟ์ของจริงเลย ไม่วางแผนไม่อะไรเลย สมมติไปยุโรปสองอาทิตย์ก็จะไม่ได้ไปไหนเยอะ ไปหนึ่งประเทศเดี๋ยวไปเมืองนี้ เมืองนี้ เพราะไม่วางแผนว่าจะไปดูอันนี้ อันนั้น คือมีลักษณะไปตายเอาดาบหน้าประมาณหนึ่ง ไปจองเครื่องบิน โรงแรม ซึ่งส่วนมากทุกครั้งที่ไปก็จะไม่ได้ทำอะไรเยอะก็คือ ไปเดิน ไปดูเมือง ถ่ายรูป กินกาแฟ อ่านหนังสือ อะไรอย่างนี้ คือให้มันไปช้า ๆ วันที่เราไปเที่ยวเรารู้เลยว่าเราเป็นคนเร่งมาก เราเป็นคน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ต่อ ๆ จนไม่ได้พักเพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวก็จะต้องออกจากการทำงานที่สุดก็จะติดช้า บางทีแบบสมมติว่าอยู่บ้านเพื่อน อย่างสวิตเซอร์แลนด์ก็มีสี่ภาษา ช่องทีวีมีแบบสามร้อยสี่ร้อยช่อง ช่องภาษาเยอรมันก็ห้าสิบช่อง ก็ไล่ดูไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จะทำอะไร พอกลับมารู้สึกว่ามันคลายปม เหมือนไปหาหมอนวดอารมณ์ประมาณนั้น ไปพักผ่อนจริง ๆ


Dream destinations
แสงเหนือ อยากไปขั้วโลกเหนือ ไอซ์แลนด์ก็ได้หรือไปทางแบบนอร์เวย์ ออสโล ก็ได้ ไม่มีเหตุผล อยากไปดูฟยอร์ด (Fiord:ชายฝั่งที่เว้าแหว่ง ถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะเข้าไปในหุบเขาในระดับที่ลึกบริเวณตอนในของแผ่นดิน เมื่อธารน้ำแข็งละลาย น้ำทะเลก็เข้ามาแทนที่) จริง ๆ อยากไปนอร์เวย์ในช่วงฤดูหนาว ที่เป็นแบบหุบธารน้ำแข็ง ตรงนี้จะเป็นแม่น้ำ เป็นทุ่งดอกไม้ เป็นภาพที่ติดตามาตั้งแต่เด็ก


ประทับใจที่นี่ที่สุด
ประทับใจหลายประเภท ถ้าในแง่ของผู้คนหรือชีวิตชอบญี่ปุ่น ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็มีความกุ๊กกิ๊กอย่างหนึ่ง หนึ่งคือเขาเอาจริงเอาจังกับทุกอย่างมากจนแบบ มันมีความก้ำกึ่งระหว่างเจ๋งกับบ้า คือเวลาเขามาต้อนรับ เขาดูแลจริงจังมาก ตอนไปดิสนีย์แลนด์เคยไปมาหลายที่ แต่ที่ญี่ปุ่นสนุกสุดเลยเพราะคนญี่ปุ่นจริงจังมากกับการแต่งตัว กับการเล่นมิกกี้เม้าส์ เป็นหญิงไทยนี่ต้องอายแล้วแต่งสวย คนญี่ปุ่นไม่อายเต็มที่มากมันก็เลยสนุกไปหมดแล้วเราชอบ เราจำได้เลยตอนที่เราไป แล้ว ตม. เขาเอาคุณลุงแก่ ๆ แล้วเหมือนเขาจ้างผู้สูงอายุมามีหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรมากอันนั้นว่างครับ อันนี้ว่างครับ ถ้าเป็นคนอื่นก็ชี้บอกเอา แต่ลุงถามก่อนมาจากไหน เราบอกมาจากไทย เขาก็สวัสดีครับ คือบอกประเทศไหนเขาจะทักทายเป็นภาษานั้นซึ่งมันเป็นยีนคนญี่ปุ่น ประทับใจมาก แล้วเราไม่เข้าใจคนญี่ปุ่น เวลาเขาแต่งตัวทำไมรู้ว่าเป็นคนญี่ปุ่นทั้งที่ไม่ได้ใส่กิโมโน เป็นคนไทยต้องใส่ผ้าขิดแล้ว จำได้ว่าเป็นงานเลี้ยงนานาชาติ คนไทยแบบยกชุดกำนันเลย แต่คนญี่ปุ่นใส่ชุดแบบโยจิ ยามาโมโตะ กางเกงขาเต่อนิดหนึ่ง เสื้อตัวโคร่ง ๆ ชอบประทับใจคนญี่ปุ่นตรงนี้


และในเชิงสถานที่ท่องเที่ยว ชอบสวิตเซอร์แลนด์เพราะว่าไปบ่อย มันเป็นเมืองที่นิ่งดีแต่มันไม่ได้กันดาร ถ้าไปช้า ๆ ไปดูวิว สวิตเซอร์แลนด์ก็ตอบโจทย์ดี ไปทำโทรศัพท์หายแล้วเขาก็ส่งคืน แต่ส่งคืนตอนที่ซื้อเครื่องใหม่มาแล้ว มีน้ำใจแต่ว่าช้าไปนิดหนึ่ง(ฮา) ภูเขา ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ บ้านเมือง ทำไมมันสวยไปหมด นั่งดูเพลิน งานสโลว์ไลฟ์ต้องไปประเทศนี้แบบ หนาว ๆ แล้วก็ถือถ้วยกาแฟ ก็จะมีบางเมืองที่เหมือนเมืองการ์ตูนไปเหมือนเทพนิยาย เหมือนอยู่ในสวนสนุกมากกว่า แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็ยังเป็นเมืองที่เป็นผู้เป็นคน ยังมีชีวิตไม่ได้เป็นเมืองการ์ตูนแบบเหมือนเข้าไปในดรีมเวิลด์


การไปเที่ยวแต่ละครั้งคำนึงถึงอะไรเป็นพิเศษ
ดูถึงความอยาก การท่องเที่ยวขอใจรักนิดหนึ่ง คือเราอยากไปไม่ใช่แบบไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แล้วก็เรื่องของต้นทุนทดไว้ในใจ อันนี้เป็นกับตัวเองถ้าเราไปอันไหนที่เรารู้สึกอยากไปจังเลย พอเราไปถึงแม้แต่จะไปทิ้งขยะตรงนั้นเราจะไม่กล้าทำอันนี้เราเป็นนะ ล่าสุดเราไปเกาะเต่า เกาะนางยวนซึ่งเราอยากไปมานานแล้วมันสวยมาก จนเรากินขนมกินอะไรเสร็จ ต้องใส่ถุงพลาสติกของเราเอง เพราะเราไม่อยากจะไปทิ้งตรงนั้น ซึ่งอันนี้มันเป็นเพราะการอยากไปเที่ยวของเราไง เมื่อไหร่ที่เราไป เออมันถูกดีหรือแบบคนนู้นก็ไปคนนี้ก็ไป ก็จะไม่มีความหวงแหน จะเอาให้คุ้ม เหมือนไปจิมทอมป์สัน ที่เป็นฟาร์มดอกไม้ ค่าเข้าก็ไม่ได้แพง ดอกไม้ก็ถ่ายรูป แห่เข้าไปเหยียบ โกรธเพราะไม่ได้อยากมา มาแบบอยากถ่ายรูปอวดเพื่อน แบบฝ่าดงดอกไม้เข้าไป อยากให้ไปเที่ยวในที่ที่รู้สึกว่าอยากไปหรือว่า dream destinations (จุดหมายในฝัน) บางอย่าง ไม่งั้นเราจะไม่เห็นความสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวไปเลย


เห็นปัญหาในการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างไรบ้าง
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย มีลักษณะเป็นการเดินชมทั้งหมดคือ จากประสบการณ์พบว่าและหลักวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติของสเปคทาคูลาร์ของคนเราจะอยู่ได้ไม่เกินห้านาทีหรอก สมมติว่าเราเห็นอะไรที่มันสวย ๆ ห้านาทีเต็มที่แล้ว แล้วสถานที่ท่องเที่ยวบ้านเรา หลาย ๆ ที่ที่ชวนกันไปดู มันเลยเบื่อได้ง่าย บางทีมันอาจจะมีอะไรอย่างอื่นเพิ่มเติม คือเรารู้สึกว่าต้องไม่ใช่แพะเมืองผี คือแอบรู้สึกว่ามันสวย แล้วไงต่อ ธรรมชาติน้ำมันเซาะ สมมติถ้าเราไปแกรนแคนยอน มันใหญ่โตแต่รู้สึกว่ายังมีอย่างอื่นให้ทำ อย่างเช่น พายเรือล่องแก่ง ตัวอย่างที่อยากจะยกตอนที่เราไปฝาง เป็นพิพิธภัณฑ์โรงงานดอยคำ ซึ่งลักษณะพิพิธภัณฑ์เป็นแบบเดินดู แต่ว่าเขาเอาเด็กชาวบ้านแถวนั้นมาเป็นมัคคุเทศก์เดินชม คือไม่จำเป็นจะต้องมีแอคชั่น แอดเวนเจอร์ ต้องมีทุกอย่างในสถานที่ท่องเที่ยวนะ สิ่งที่รู้สึกได้คือ ความเป็นชุมชนเหมือนเราเข้าไปมีประสบการณ์วิถีชุมชนโดยมีเด็ก ๆ พ่อแม่ก็เคยพัฒนาโดยในหลวงมาก่อน เขาก็เอามาเล่าให้ลูกเขาฟัง แล้วเขาก็มาเล่าต่อ คือถ้าพัฒนาการท่องเที่ยวที่ไม่ใช่การดู ไม่ใช่การแบบ go and see มันเป็นประสบการณ์ ไม่ใช่การเดินดูพิพิธภัณฑ์เหมือนเราเข้าไปแบบเรียนรู้เขา เขาอยู่ยังไง เข้าไปสัมผัส ไม่ใช่มองดูอย่างเดียวเข้าไปสัมผัสง่าย ๆ อย่างนี้


ในแง่ของการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี
ทุกสถานที่ท่องเที่ยวมันมีเจ้าบ้านมาก่อน มีคนเคยเห็นมาก่อน ซึ่งแต่ละบ้านเขาต้องมีกฎมีมารยาทของบ้านที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว อย่าใช้กฎกลางหรือใช้กฎส่วนตัวกับสถานที่ท่องเที่ยวทุกอัน เราควรจะรู้ก่อนว่าบ้านนี้เขาห้ามอะไร เขาโอเคกับอะไรไม่โอเคกับอะไร เราจะได้ยินบ่อยก็ไม่รู้ว่าที่นั่นทำได้ อย่ามาอ้างอย่างนี้มันไม่ได้ เวลาเราไปขึ้นเขา หมู่บ้านชาวเขา ดอยอะไรสักดอย ก็ต้องรู้ก่อนว่าดอยนี้ชาวเขาเขาอยู่มาก่อนหรือเปล่า เขาก็มีมารยาทของเขาก็ต้องคิดเรื่องนี้เหมือนกัน



อะไรที่ขาดไม่ได้ของการเที่ยว
อุปกรณ์การนอน ผ้าปิดตา ที่อุดหู ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ จะค่อนข้างมีปัญหากับการนอน แล้วก็มีหนังสือหนึ่งเล่ม หลายครั้งก็ซื้อที่สุวรรณภูมิอ่านจบก็ทิ้งไปเลย กระเป๋าลองชอมแบบขยายได้เผื่อฉุกเฉิน (ฮา)


อะไรที่คนคาดไม่ถึงแต่ควรพกไปด้วยในเวลาไปเที่ยว
ปลั๊กสามตา มีของหลายอย่างที่เราควรพกเวลาไปเที่ยวอย่างปลั๊กสามตาจริง ๆ ทุกวันนี้อุปกรณ์มันเยอะโรงแรมหลายที่ปลั๊กไกลมากเป็นคนติดโทรศัพท์เราก็ต้องยอมไปถอดปลั๊กทีวี ตู้เย็น เพื่อเสียบอะไรได้หลาย ๆ อย่าง หรือว่าแบตโทรศัพท์มันหมดในสนามบินปลั๊กสามตาก็มีประโยชน์มาก แล้วก็กระดาษเปียกพกเอาไว้เลยถึงแม้ว่าคนจะบอกว่าข้างในมันเป็นสารเคมี ติดไปเถอะมันดีมาก อีกอย่างหนึ่งเวลากินอาหารไทย ข้าวเหนียว ส้มตำ กินขนมบนรถจะเหนียวติดมือ มันเป็นความรู้สึกไม่สบายเลยแล้วถ้ามันต้องอยู่อย่างนั้นไปตลอดระหว่างนั่งรถมันจะแย่มาก กระดาษเปียกช่วยได้เยอะ ผ้าคลุมไหล่ ผืนบาง ๆ อันนั้นก็จะมีประโยชน์ในหลายรูปแบบ ปูนั่ง ปูนอน ห่มถ่ายรูป เข้าวัดเอามานุ่งเป็นกระโปรง แต่ว่าคนที่เป็นผู้ชายผู้หญิงอาจจะไม่อินแต่กะเทยอินมาก มีเยอะมากไปถึงก็ซื้อ เอามาทำเป็นชุดก็สวย


จุดสูงสุดสำหรับอาชีพเราคืออะไร
ป๋อมแป๋มอยากเป็นเบื้องหลังที่ไว้ใจได้ อยากเป็นคนเบื้องหลังหรืออยากทำให้อาชีพเบื้องหลังที่เป็นที่ไว้ใจได้ เราอยู่ในวงการบันเทิงบ้านเราต้องใช้ดารา ต้องใช้คนเบื้องหน้ามาเป็นตัวขาย ถ้าเบื้องหลังจะทำหน้าที่เป็นตัวขาย เบื้องหลังก็ต้องมาอยู่เบื้องหน้าให้ได้ ตัวอย่างเช่น น้าเน็ก วู้ดดี้ งานเบื้องหลังเป็นงานที่เหนื่อย ใช้งานหนัก แต่เอาเข้าจริงหลาย ๆ งานมันก็สำเร็จเพราะคนเบื้องหลังบางกลุ่ม กลุ่มเดียว กลุ่มเดิม แต่มันไม่สามารถที่จะเป็นเครดิต ตัวการันตีได้ ยกตัวอย่างชอบรายการเวิร์คพอยท์ หลาย ๆ รายการที่ประสบความสำเร็จเพราะคนทำคนเดียวกัน แต่เขาไม่สามารถกล้าพูดได้ว่าผลิตโดย ฝรั่งทำได้ How to Get Away with Murder (TV Series) พูดเลยว่า from The creator of 'Grey's Anatomy' and 'Scandal' ไม่ต้องบอกว่าใครเล่น จบเลย เมืองนอกอ้างคนเบื้องหลังได้แล้วที่ชอบคือบอกด้วยว่า from the creator of คือคนคิดคนสร้างสรรค์ ซึ่งมันเจ๋งดี บ้านเราก็อยากให้แบบวันหนึ่ง from the of ผู้สร้างเทยเที่ยวไทย แล้วมันจบได้แล้วอะไรอย่างนี้ ก็เจ๋งดี มันจะออกมาลายเซ็นจะเป็นอย่างไร ไว้ใจในเรื่องไหนได้


“ถ้าเราไปเที่ยวแล้วมานั่งคำนวณเป็นตัวเงินเลือกเอาคุ้มเลือกเอาประหยัดป๋อมแป๋มจะโกรธมาก แล้วรู้สึกว่ามันผิดจุดประสงค์การไปเที่ยว ซึ่งวัฒนธรรมแบบนี้มันไปกันใหญ่แล้ว”



 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Magazine
  • 3 Followers
  • Follow