Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

11 ดาวดังผู้เคยผ่านสังเวียนแข้งไทยลีก

Posted By pao'o | 28 ก.พ. 60
11,724 Views

  Favorite

ฟุตบอลโตโยต้าไทยพรีเมียร์ ลีกประจำฤดูกาล 2017 เป็นอีกหนึ่งฤดูที่น่าสนใจและติดตามเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นการย้ายตัวเป็นสถิติไทยลีก หรือการทุ่มเม็ดเงินมหาศาลของบางทีมที่หวังพัฒนาสโมสรให้ไปได้ไกลกว่าในอดีต รวมไปถึงการดึงแข้งต่างชาติชื่อดังหลาย ๆ เพื่อมายกระดับทีมตัวเอง ซึ่งช่วงหลังแข้งต่างชาติก็หลั่งไหลมาค้าแข้งในเมืองไทยก็เพิ่มมากขึ้น

        นักเตะต่างชาติที่มีชื่อเสียงในอดีตผ่านประสบการณ์ในเวทีฟุตบอลยุโรป ย้ายมาทำมาหากินในประเทศเราเพิ่มเยอะมากขึ้น อย่างในฤดูกาลที่แล้วการเขามาของ  “ ฟลอรองต์ ซินามา-ปงโกลล์ “ อดีตศูนย์หน้าลิเวอร์พูลกับสโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล หรือดีกรีแข้งทีมชาติคอสตาริกาอย่าง อาเรียล โรดิเกซ กับสโมสรใหญ่อย่างบางกอกกล๊าส หรือจะเป็น ลิรอย ลิต้า อดีตกองหน้าชื่อดังในพรีเมียร์ลีก กับสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี

        วันนี้เลยขอคัดสรรแข้งต่างชาติระดับคุณภาพ ในอดีตที่เคยวาดลวดลายผ่านสมรภูมิเวทีแข้งไทยลีกของเรามาให้รับชมกันว่ามีใครกันบ้าง ติดตามไปพร้อม ๆ กันได้เลย ...     

1.) Rohan Ricketts ( พีทีที ระยอง )  

 

http://www.fitacrosscultures.com
 

 

        แจ้งเกิดจากการคว้าแชมป์เยาวชนเอฟเอ ยูธคัพกับทีมอาร์เซน่อล ก่อนที่ในปี 2002 ได้ทำเรื่องสุดแสบย้ายข้ามฟากไปร่วมทีมอริตลอดกาลอย่างท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ โดยริกเก็ตต์ส อยู่โยงยาวกับทีมไก่เดือยทองถึง 3 ปี ผ่านการร่วมงานกับนักเตะชื่อดังทั้ง เฟเดริก กานูเต้ ,  เล็ดลี่ย์ คิง , ร็อบบี้ คีน ภายหลังปี 2005 ได้ออกจากทีมดังแห่งเมืองหลวงลอนดอน โยอัน ริกเก็ตตส์ กลายสภาพเป็นนักเตะพเนจรย้ายถิ่นฐานการค้าแข้งเป็นว่าเล่น โดยนับจากปี       2005 – 2013 เจ้าตัวค้าแข้งไปถึง 12 สโมสรไปทั่วแทบทุกทวัน ทั้ง ฮังการี , เยอรมัน , อินเดีย , เอกวาดอร์ ฯลฯ

 

http://www.arsenal.com

 

        ก่อนที่ในปี 2014 จะโยกมาค้าแข่งกับทีมน้องใหม่ไทยพรีเมียร์ ลีกในขณะนั้นอย่าง “ พีทีที ระยอง ”  แต่ริกเก็ตตส์ส่วนมากใช้เวลาในการท่องราตรียามค่ำคืนเสียมากกว่า ใช้เวลาในสนามฟุตบอลทำให้เจ้าตัวได้ลงสนามเพียง 348 นาที ก่อนใช้เวลาในเมืองไทยได้ไม่ครบปี และต้องพเนจรไปค้าแข้งในยังดินแดนอื่นต่อไป

2.) Jay Simpson ( บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด )

 

arsenal-mania.com

 

        อดีตเด็กปั้นของอาร์แซน เวนเกอร์ โดยซิมป์สันได้เข้าสู่อคาเดมี่ของอาร์เซน่อลตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ เติบโตมาพร้อม ๆ กับแจ็ค วิลเชียร์ กองกลางทีมชาติอังกฤษ แต่ตัวซิมป์สันไม่มีโอกาสลงเล่นชุดใหญ่กับทีมปืนโต สักนัดเดียวทำให้ต้องระหกระเหินย้ายไปทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัวไม่ว่าจะเป็น มิวล์วอลล์ , เวสต์บรอมวิช และควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนที่ ฮัลล์ ซิตี้ จะมาเซ้งรับช่วงต่อในปี 2010 โดยลงเล่นให้ทีมโลโก้ตราเสือไป 78 นัดทำไป 12 ประตู

 

Facebook : BURIRAM UNITED

 

        ก่อนที่ปี 2013 จะสร้างเสียงฮือฮาทั่วจังหวัดบุรีรัมย์และประเทศไทย ด้วยการย้ายข้ามน้ำข้ามทะเลมาลงหลักปักฐานกับสโมสรดังแถบภาคอีสานอย่าง “ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ” และเปิดตัวสุดสวยด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองยิงประตูชัยให้ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะเอสซีจี เมืองทอ ยูไนเต็ด 1-0 ในนัดชิงถ้วยพระราชทาน ก. อย่างไรก็ตามนั้นเป็นเพียง 1 ใน 3 ประตูที่ซิมป์สันยิงให้ต้นสังกัด ก่อนต้อของยกเลิกสัญญาหลังลงเล่นให้กับบุรีรัมย์ยูไนเต็ดเพียงเลกเดียวเท่านั้น

         ปัจจุบันเจย์ ซิมป์สันค้าแข้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกากับสโมสร ฟิลาเดลเฟีย ยูเนียน

3.) Niall Quinn ( บีอีซี เทโรศาสน )

 

http://www.playbuzz.com

 

        อีกหนึ่งผลผลิตจากอคาเดมี่อาร์เซน่อล เติบโตและได้ลงสนามช่วยทีมสีแดงแห่งเมืองลอนดอนไปทั้งหมด 67 เกมทำไป 14 ประตู ก่อนที่ปี 1990 ได้ย้ายทีมสู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยค่าตัว 8 แสนปอนด์พร้อมระเบิดประตูเป็นกอบเป็นกำ  ตลอด 6 ปีที่สวมเสื้อสีฟ้าแห่งแมนเชสเตอร์ ก่อนที่ควินน์จะย้ายตัวอีกครั้งโดยครั้งนี้ไปอยู่ ซันเดอร์แลนด์ โดยจับคู่กับเควิน ฟิลลิปส์ กระหน่ำไป 44 ประตู

        และในปี 2002 ควินน์ได้ร่วมทัพทีมชาติไอร์แลนด์เข้าการแข่งขันฟุตบอลโลก และนี้คือทัวร์นาเม้นท์สุดท้ายของเจ้าตัวก่อนอำลาประกาศแขวนสตั้ด

 

http://www.bangkoksoccer.com

 

        แต่ในปี 2006 ควินน์ได้ปรากฏกายในสีเสื้อบีอีซี เทโรศาสน ที่สนามหนองจอก ในนัดที่มังกรไฟเปิดบ้านเจอกับสโมสรพนักงานยาสูบ โดยอดีตเด็กปั้นอาร์เซน่อลลงจับคู่ธีรเทพ วิโนทัย ลงล่าตาข่ายและพาทีมคว้าชับชนะได้สำเร็จ แต่นั้นเป็นเพียงครั้งเดียวที่ควินน์สวมเสื้อสีแดงของบีอีซี เทโรศาสนแท้จริงควินน์มาเพื่อโปรโมทสโมสรอาร์เซน่อล ที่เป็นพันธมิตรกับทีมมังกรไฟในตอนนั้นเท่านั้น

        แต่การลงสนามของ ควินน์ ก็ถูกจดบันทึกลงสถิติการแข่งขันด้วย เป็นอีกหนึ่งแข้งระดับตำนานที่มาลงสนามเล่นในไทย ลีก

4.) Osmar barba Ibanez ( บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด )

 

http://www.zimbio.com

 

        ปราการหลังร่างใหญ่จากประเทศสเปนเติบโตมาจากสโมสรราซิ่ง ซานตาเดร์ โดยลงเล่นในทีมชุด B ของราซิ่งไปทั้งหมด 64 นัดก่อนถูกซาลามังก้า เบยืมตัวไปใช้งานหนึ่งฤดูกาล ก่อนกลับมาเล่นให้ชุดใหญ่ของราซิ่งไปทั้งหมด 13 นัด

        ก่อนที่ปี 2012 ออสมาร์ อิบันเญช จะนั่งเครื่องบินข้ามทะเลมาสู่ดินแดนสยามเปิดตัวกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดนักเตะเลกที่ 2 ในช่วงครึ่งปีแรกออสมาร์ได้ลงทำการแข่งขันพียงแค่ฟุตบอลถ้วย 2 รายการ เพราะในทีมปราสาทสายฟ้าได้ส่งรายชื่อนักเตะต่างชาติครบโควตาไปแล้ว

 

Facebook : BURIRAM UNITED
 
        ฤดูกาล 2013 ออสมาร์ได้ลงช่วยต้นสังกัดได้แบบเต็มที่ทุกรายการ เป็นกำลังสำคัญช่วยให้บุรีรัมย์กวาดแชมป์ทุกรายการ และหนึ่งในนั้นเป็นการคว้าแชมป์ไทยลีกแบบไร้พ่าย เป็นนักเตะที่แฟน ๆ ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดรักและหวงแหนมากที่สุดคนนึง แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ด้วยวิธีทางของฟุตบอล

        ออสมาร์ อิบันเญซ ได้ประกาศอำลาทีมต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองในงานเลี้ยงฉลองวันปีใหม่ก่อนที่จะไปร่วมทีม     “ เอฟซี โซล ” ในประเทศเกาหลีใต้ ทำให้ออสมาร์กลายเป็นตำนานแห่งทีมดังภาคอีสานแห่งนี้ และยังคงครองใจสาวกบุรีรัมย์อยู่จนถึงทุกวันนี้

5.)  Jay Bothroyd ( เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด )

 

http://www.mirror.co.uk

 

        กองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ ผู้ผ่านสังเวียนประสบการณ์พรีเมียร์ อังกฤษมาแล้ว เริ่มต้นเส้นทางสายฟุตบอลกับศูนย์อคาเดมี่ของอาร์เซน่อล ก่อนถูกโคเวนทรีซื้อตัวไปในราคา 1 ล้านปอนด์ โดยแสดงฝีเท้าที่โคเวนทรีอยู่ 3 ฤดูกาลก่อนเก็บกระเป๋าไปค้าแข้งกับเปรูจาในอิตาลีก่อนกลับมายังเกาะร่ำรวยเชื้อชาติอีกครั้งกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ , ชาร์ลตัน , วูล์ฟแธมป์ตัน และสโต็ค ซิตี้

        ช่วงขาขึ้นของตัวตัวอยู่ที่ 2008 ในลีกพระรองอย่างแชมป์เปี้ยนส์ชิพ อังกฤษกับคาร์ดิฟ ซิตี้ จนถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษในยุคของกุนซือ  “ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ” โดยได้ลงเป็นตัวสำรองนัดอุ่นเครื่องพบทีมชาติฝรั่งเศสแทน แอนดี้ แคร์โรลล์ ในนาทีที่ 72  และในปี 2011 โบธรอยด์ ได้ย้ายทีมอีกคำรบคราวนี้กลับเมืองหลวงกับ ควีนพาร์ค เรนเจอร์

 

Facebook : Muangthong United FC.

 

        และในปี 2014 “ เจย์โบ ” ได้ออกมาหาความท้าทายใหม่กับเวทีฟุตบอลไทยพรีเมียร์ ลีกกับสโมสรเอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด โดย 1 ปีของเจย์โบในรั้วเอสซีจีทำไปเพียง 6 ประตู จากการลงสนาม 16 นัดไม่สามาถคว้าแชมป์มาครองไว้ได้

        โดยในปัจจุบันเจย์ โบธรอยด์ค้าแข้งอยู่กับ จูบิโล อิวาตะในแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศญี่ปุ่น

6.) Robert Cullen ( สุพรรณบุรี เอฟซี )

 

http://pinky-media.jp
 
        กองหน้าหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น – ไอร์แลนด์เหนือ โดยคุณพ่อของเขาเป็นไอริช ส่วนคุณแม่เป็นญี่ปุ่น โดยเซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพฉบับแรกกับทีม จูบิโล่ อิวาตะ โดยเล่นสโมสรแห่งนี้ถึง 6 ปีลงสนามไป 110 นัด ทำได้ 29 ประตู ก่อนที่ปี 2010 ถูก รอซโซ่ คุมะโมโตะ สโมสรระดับเจ ทู ยืมตัวไปเล่น โดย คัลเลน เคยถูกเรียกติดทีมชาติญี่ปุ่นชุดอายุไม่เกิน 20 ปี สู้ศึกชิงแชมป์โลกที่ฮอนแลนด์มาแล้ว แต่ไม่เคยถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่

        และในปี 2011 สโมสร วีวีวี-เวนโล่ ทีมในประเทศฮอนแลนด์ได้จัดการดึงตัวเซ็นสัญญา 3 ปีด้วยผลงานลงสนาม 69 นัด กระหน่ำไป 7 ประตู 

 

http://www.goal.com


        หลังหมดสัญญาจาก วีวีวี-เวนโล โรเบิร์ต คัลเลน ได้เดินทางที่เมืองไทยเพื่อเซ็นสัญญากับสโมสร “ สุพรรณบุรี เอฟซี ” ช่วยทีมช้างศึกสู่ศึกไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2014  โดยในปีนั้นหนุ่มใหญ่วัย 29 ปี สอยตาข่ายคู่แข่งให้สุพรรณบุรีไป 7 ประตู หลังจากลงเล่น 22 นัด ก่อนที่จะย้ายทีมออกไปในปีถัดมา

        ปัจจุบันโรเบิร์ต คัลเลน อยู่กับสโมสร “ นอร์ทอีสต์ ยูไนเต็ด ” ในลีกประเทอินเดีย

7.) Christian Nade ( สมุทรสงคราม และ พีทีที ระยอง )

 

http://www.dailyrecord.co.uk
 
        ศูนย์หน้าร่างโย่งชาวฝรั่งเศส ประเดิมลงสนามลีกสูงสุดในประเทศกับสโมสร ทรัวส์ ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปีตลอด 7 ปีในสีเสื้อทรัวส์ “ นาเด้ ” ทำไปทั้งหมด 7 ประตูจากการลงสนาม 51 นัด ก่อนที่ปี 2006 จะย้ายข้ามฝากมาเกาะอังกฤษกับ สโมสรเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และที่นี่คือสโมสรแจ้งเกิดของเจ้าตัวแต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมให้รอดพ้นการตกชั้นได้

        จากนั้นฤดูกาล 2007 นาเด้ได้ย้านทีมไป ฮาร์ทส์ ทีมในสกอตแลนด์และโยกย้ายตัวเองไปลีกไซปรัสแต่ก็อยู่ได้แค่ปีเดียว และออกมาท้าทายในอาชีพนักฟุตบอลอีกครั้งกับดินแดนทวีปเอเชีย

 

ภาพ : www.bangkoksoccer.com
 
 

       สโมสรทีโอที และโอสถสภาคือทีมที่นาเด้เข้ามาทดสอยฝีเท้าด้วย แต่สุดท้ายไปเซ็นสัญญากับสโมสร สมุทรสงคราม ทีมในไทยพรีเมียร์ลีกโดย 2 ปีของนาเด้กับทีมปลาทูคะนองด้วยประสบการณ์ที่ผ่านเวทีลูกหนังในยุโรปมาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะครองใจแฟน ๆ สมุทรสงครามได้ไม่ยาก

        ก่อนที่ปี 2013 คริสเตียน นาเด้ย้ายไปสู่ทีมพีทีที ระยอง แต่ก็สามารถเล่นได้แค่ปีเดียวและกลับไปค้าแข้งในลีกสกอตแลนด์อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

        คริสเตียน นาเด้ ปัจจุบันเล่นอยู่กับสโมสร “ ดัมบาร์ตัน “ ทีมในลีกพระรองของประเทศสกอตแลนด์

 

8.) Roland Linz ( เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด )

 

http://www.goal.com

 

        ศูนย์หน้าร่างโย่งสัญชาติออสเตรีย เริ่มต้นจาดทีมเยาวชนท้องถิ่นอย่าง ดีเอสวี ลีโอเบน ในประเทศบ้านเกิด ก่อนย้ายถิ่นฐานไปฝึกฝีเท้ากับ 1860 มิวนิค ในประเทศเยอรมัน โดย 2 ปีให้หลังลินซ์ ได้กลับสู่บ้านเกิดอีกครั้งกับสโมสรเดิมพร้อมกระหน่ำ 27 ประตู จากการลงเล่น 53 นัด ก่อนถูกยักษ์ใหญ่ในออสเตรียอย่าง “ ออสเตรีย เวียนนา ” ดึงตัวไปร่วมทีมพร้อมฉายแววดาวดังด้วยการกระทุ้งไปถึง 26 ประตูจาก 81 นัดที่ลงรับใช้ต้นสังกัด คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ออสเตรีย และออสเตรียคัพ มาครอบครอง

 

ภาพ : Muangthong United FC

 

        โดยหลังฤดูกาล 2003 ลินซ์ได้ย้ายออกจากออสเตรีย เวียนนาพเนจรไปถึง 7 สโมสรก่อนที่ปี 2010 จะได้กลับมาที่ออสเตรีย เวียนนาอีกคำรบครั้งนี้ก็ยังฟอร์มแรงหยุดไม่อยู่ด้วยการสอยตาข่ายช่วยสโมสรได้ 40 ประตู จากการรับใช้สโมสร 86 นัด

        ก่อนที่ปี 2013 โรแลนด์ ลินซ์ ถูกกระชากตัวมายังดินแดนประเทศไทยด้วยน้ำมือ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” โดยประตูของเจ้าตัวเพียงประตูเดียวที่สังหารได้เกิดขึ้นในเกมที่กิเลนผยองเปิดบ้านเอาชนะ สงขลา ยูไนเต็ด 3-0  ด้วยหนึ่งในนั้นเป็นประตูของกองหน้าร่างโย่งผู้นี้ และแยกทางกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด  หลังสิ้นสุดฤดูกาลนั้นเพียงเท่านี้

9.) Kim dong jin ( เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด )

 

http://www.koreatimes.co.kr

 

        ปราการหลังดีกรีทีมชาติเกาหลีใต้ แจ้งเกิดกับสโมสรเอฟซี โซลในบ้านเกิดในปี 2000 ก่อนที่อีก 6 ปีให้หลังย้ายไปค้าแข้งในลีกต่างแดน “ รัสเซีย พรีเมียร์ ลีก “ กับทีมเซนิต เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก และนี่คือปักหมุดต่อไปที่หนุ่มเคป็อปหวังมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างชื่อเสียงจากดินอดนหมีขาว โดยนายคิมที่ใช้ชีวิตอยู่ที่รัสเซียทั้งหมด 3 ปีสามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ รัสเซียพรีเมียร์ ลีก 1 สมัยในปี 2007ก่อนที่ในปีถัดมาจะช่วยทีมคว้า “ แชมป์ยูฟ่า คัพ ” ถ้วยใบเล็กของสโมสรยุโรปในปีถัดมา ก่อนที่ในปี 2010 เจ้าตัวจะกลับมาค้าแข้งในเค ลีกกับอุลซาน ฮุลได และเอฟซี โซล ทีมที่เจ้าตัวแจ้งเกิด ก่อนที่ปี 2012 ไปค้าแข้งกับ กวางโจว กรีนแลนด์ ในประเทศจีน

 

Facebook : Muangthong United FC

 

        ต่อมาในปี 2014 คิม ดอง จิน ได้เข้ามาค้าแข้งในสยามประเทศ กับสโมสร “ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ” ถือว่าเป็นปราการหลังตัวหลักของสโมสรตลอดการค้าแข้ง 2 ฤดูกาลที่นี่โดยลงสนามไปทั้งหมด 60 นัดทำได้ 2 ประตู โดยปัจจุบัน อดีตกองหลังทีมชาติเกาหลีใต้ค้าแข้งอยู่กับสโมสร “ คิตฉี ” ในประเทศฮ่องกง 

10.) Andres Tunez ( บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด )

 

http://www.eluniversal.com
 
 

        ปราการแนวรับดีกรี ทีมชาติเวเนซุเอล่า เริ่มต้นจากเยาวชนของโรงเรียนโรซาเลีย เด กัสโตร โดยเป็นนักเตะให้สโมสรเยาวชนแห่งนี้ถึง 5 ปี ก่อนที่ปี 2002 จะเข้าสู่ทีมเยาวชนของกอมโปสเตล่าหลังจากนั้นได้ 2 ปี ตูเนซถูกดึงตัวไปร่วมทีมเซลต้า บีโก้

        ในช่วงแรกตูเนซลงเล่นในทีม เบ หรือทีมสำรองของสโมสรก่อนที่ปี 2010 จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสรโดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 82 นัดทำได้ 3 ประตู ก่อนที่ฤดูกาล 2013 จะถูกปล่อยยืมให้กับทีมเบย์ต้า เยรูซาเล็ม สโมสรจากอิสราเอล พรีเมียร์ลีกโดยตูเนซลงเล่นที่นี่ไปทั้งหมด 23 นัดด้วยกัน

 

Facebook : BURIRAM UNITED

 

        และในปี 2014 อันเดรส ตูเนซ ได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญากับเซลต้า บีโก้ แล้วเดินทางมาเมืองไทยเพื่อหาความท้าทายใหม่ในต่างดินแดนกับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก่อนช่วยต้นสังกัดกวาดทุกแชมป์และเป็นกองหลังที่ทำสถิติยิงประตูได้ถึง 17 ประตู ส่วนฤดูดกาลต่อมาถึงทีมจะไม่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้แต่เจ้าตัวสามารถเบิกสกอร์จากการเป็นแนวรับได้ถึง 19 ประตู รวมแล้วลงสนามให้ทีมปราสาทสายฟ้าไปทั้งสิ้น 106 นัด ยิงไป 38 ประตู ถือว่าสถิติการทำประตูดีกว่ากองหน้าบางคนด้วยซ้ำ

        โดยล่าสุดอันเดรส ตูเนซ ได้ย้ายกลับไปประเทศสเปนในสัญญายืมตัวกับสโมสรเอลเช่ ในเซกุนด้า สเปนด้วยระยะเวลา 6 เดือน

11.) Robbie Fowler ( เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด )

 

http://www.lovelfc.com
 
 
        อดีตตำนานผู้ยิ่งใหญ่ทั้งทีมชาติอังกฤษและสโมสรลิเวอร์พูล ผู้ผ่านสังเวียนแข้งประสบการณ์มากมายบนโลกลูกหนัง ผลงานคงไม่ต้องให้สาธยายให้มากความถึงความสุดยอดของ “ เดอะ ก็อด “ เจ้าของตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีก อังกฤษลำดับที่ 6 จำนวน 162 ประตู โดยเฉพาะกับทีมหงส์แดงในภาคแรกก็ซัดกระจายไปถึง 120 ประตูเลยทีเดียว

        ในฤดูกาล 2007 หลังออกจากลิเวอร์พลูในเวอร์ชั่นภาคที่ 2 ฟาวเลอร์ ก็ย้ายไปอีก 2 สโมสรในลีกอังกฤษกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ก่อนย้ายข้ามทวีปมาเซ็นสัญญากับสโมสรในประเทศออสเตรเลีย

 

ภาพ : Muangthong United FC.

 

        และในปี 2011 “ เดอะ ก็อด “ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการฟุตบอลบ้านเราด้วยการย้ายมาค้าแข้งกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยวัย 36 ปีถึงแม้จะไม่มีสปีดที่รวดเร็วเหมือนในอดีต แต่ด้วยชื่อเสียงของเจ้าตัวก็เรียกเสียงฮือฮาจากเดอะ ค็อปได้ทั่วสารทิศ

        ฟาวเลอร์ ใช้ชีวิตอยู่กับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ดได้ 1 ปีทั้งในฐานะผู้เล่นและเฮดโค้ชชั่วคราวเป็นครั้งแรกในบทบาทหน้าที่นี้ และทำ 2 ประตูในสีเสื้อกิเลนผยองก่อนทั้งคู่จะแยกทางกันหลังจบฤดูกาลนั้น

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • pao'o
  • 0 Followers
  • Follow