Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การเรียนรู้แบบ BBL คืออะไร ... จะช่วยพัฒนาสมองให้ลูกได้อย่างไร

Posted By Plook Parenting | 24 ม.ค. 60
54,396 Views

  Favorite

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านคาดหวังให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่ง มีผลการเรียนดีตั้งแต่อนุบาล บางคนเข้มงวดกับเรื่องผลการเรียนของลูกมาก กลัวลูกจะเรียนสู้เพื่อนไม่ได้จึงเน้นให้ลูกเรียนพิเศษ จนลืมนึกถึงศักยภาพที่แท้จริงของลูก ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการเรียนรู้และก่อให้เกิดความเครียดกับลูกได้

 

ในปัจจุบันนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสมองได้แนะนำให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณครูส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ตามศักยภาพและระบบการทำงานของสมองด้วย การเรียนรู้แบบ Brain-based Learning (BBL) นับตั้งแต่แรกเกิดจนถึงระยะที่สมองพัฒนาเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้โอกาสทองของการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัยเปิดรับการเรียนรู้อย่างสูงสุด ตามพื้นฐานศักยภาพความเฉลียวฉลาดที่ทุกคนควรมี 8 ด้านด้วยกัน ตามทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences) ของ Howard Gardner คือ

1. ด้านภาษาศาสตร์ (Linguistic Ability)

2. ด้านตรรกะ - คณิตศาสตร์ (Logical-Mathematic Ability)

3. ด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Ability)

4. ด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย (Bodily-Kinesthetic Ability)

5. ด้านดนตรี (Musical Ability)

6. ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (Interpersonal Ability)

7. ด้านความเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Ability)

8. ด้านการเข้าถึงลักษณะธรรมชาติ (Naturalist Ability)

 

BBL (Brain-Based Learning) หรือทฤษฎีการเรียนรู้ตามธรรมชาติสมอง

เป็นแนวทางจัดการเรียนรู้เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานของสมองในเด็กแต่ละคน และแต่ละช่วงวัย ด้วยการกระตุ้นที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ โดยนักการศึกษาพบว่าสมองมนุษย์สามารถทำงานและพัฒนาไปพร้อมกันทั้ง 8 ด้านในลักษณะกระจายตัวเชื่อม เมื่อได้รับการส่งเสริมให้สมองได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยเด็กในวัย 2 – 6 ปี จะเรียนรู้ผ่านการเล่น ซึ่งเด็กแต่ละคนจะถนัดในการเรียนรู้ตามรูปแบบของตนที่แตกต่างกันไป ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นผู้ค้นหาความถนัดและความสามารถในตัวลูกให้พบ เพื่อนำมาส่งเสริมและกระตุ้นความสามารถนั้น ๆ ให้เหมาะสมกับลูก เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ตามที่ถนัด รวมถึงมีโอกาสพัฒนาความสามารถด้านอื่น ๆ ที่ไม่ถนัด ด้วยการให้ลูกเรียนรู้ด้วยความพร้อมทั้งทั้งร่างกายและจิตใจ อย่างอิสระ สนุกสนาน และเกิดความสุข โดยเรียนรู้จากเรื่องง่ายไปยาก ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ไม่ใช่แค่ท่องจำ และรู้จักแก้ปัญหาเพื่อให้สมองของลูกพัฒนาได้เต็มความสามารถ

 

ภาพ ShutterStock

 

วีธีการ

1. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

คุณพ่อคุณแม่และทุกคนในครอบครัวต้องดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างใกล้ชิด ครอบครัวมีส่วนเสริมสร้างการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็ก เพราะถ้าสมาชิกในครอบครัวมีความรักความเข้าใจ เอื้ออาทร ห่วงใยดูแลซึ่งกันและกัน จะส่งผลให้เด็กมีความสุข ทำให้อารมณ์ดี สุขภาพจิตดี สมองก็พร้อมที่จะเรียนรู้ได้เต็มความสามารถ

 

2. สร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนรู้

คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของลูก ด้วยการดูแลบ้านให้สะอาดถูกสุขลักษณะ มีแสงสว่างพอเพียง สงบ อากาศถ่ายเท ปลอดภัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ โดยอาจจะจัดมุมหนึ่งของบ้านให้มีชั้นวางหนังสือ มีโต๊ะเล็ก ๆ ให้ลูกได้ทำงานศิลปะหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่สนใจ จะช่วยให้ลูกได้พัฒนาการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

 

3. เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่น

คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระและมีความสุข เพราะเด็กเรียนรู้โลกผ่านการเล่น หากลูกเรียนมาทั้งวันแล้วก็ควรเปิดโอกาสให้เขาได้เล่นสนุก และทำกิจกรรมด้านอื่น ๆ บ้าง อาจหาของเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยมาให้ลูก หรือหาเวลาเล่นกับลูกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสมองของเด็กจะพัฒนากระบวนการคิดระหว่างการเล่นอย่างเป็นธรรมชาติก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

4. มีการกระตุ้นการเรียนรู้อย่างเหมาะสม

สมองมีการทำงานที่มีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน คุณพ่อคุณแม่จึงต้องรู้จักการทำงานของสมองและกระตุ้นพัฒนาการให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก โดยการหากิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้สมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวาได้พัฒนาควบคู่กันไป เช่น ให้ลูกได้วาดภาพตามจินตนาการ หัดเขียนไดอารี่ หรืออ่านนิทานเรื่องที่ชอบ ซึ่งกิจกรรมที่ฝึกสมองใน “ส่วนของการใช้เหตุผล” และ “ส่วนของการสร้างสรรค์” จะทำให้เซลล์สมองของลูกเกิดการเชื่อมโยง สามารถทำงานประสานกันได้ดี ทำให้สมองพัฒนาอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว และเกิดความพร้อมในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างเต็มที่

 

การส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง BBL (Brain-based Learning) เป็นแนวทางการพัฒนาสมองที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทำงานตามธรรมชาติของสมอง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้ลูก เพื่อให้ลูกได้รู้ศักยภาพของตนเอง มีความสามารถในการเรียน การทำงาน รวมถึงสามารถแก้ปัญหาในชีวิตได้  พร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plook Parenting
  • 8 Followers
  • Follow