8,066 Views
Favorite
แฮ่ สวัสดีค่ะสาว ๆ วันนี้เรามาคุยเรื่อง “น้ำยาอุทัย” กันค่ะ (เห็นชื่อ อุทัย เหมือนกัน แหม่ หลงคิดว่าเหมือนกันเสียได้) เชื่อว่าสาว ๆ ทุกคนต้องเคยผ่านวัยที่ใช้น้ำยาอุทัย หรือ อุทัยทิพย์ มาแตะแก้มนิดปากหน่อย ถูกไหมคะ คิดแล้วก็รู้สึกแก่ขึ้นมาทันที
ถึงแม้ปัจจุบันจะมี Tint เข้ามาดึงกระแสจากน้ำยาอุทัยไปบ้าง แต่น้ำยาอุทัยนี้ก็ยังเด็ดจนครองตลาดเครื่องสำอางอยู่เช่นเดิม แต่สาว ๆ คะ นอกจากความสวยงามแล้ว น้ำยาอุทัย ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกเยอะแยะเลยหล่ะค่ะ
น้ำยาอุทัย นับเป็นน้ำสมุนไพรคลายร้อนอย่างหนึ่งของไทย เดิมมีชื่อว่า ยาอุทัย ผลิตคิดค้นขึ้นโดย โอสถสภา นี่เองค่ะ ยาอุทัยนี้ประกอบด้วยสมุนไพรมากกว่า 10 ชนิด และแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน อาทิ จันทนา จันทน์เทศ ครั่ง หญ้าฝรั่น ฝาง อบเชย กระแจะ ดอกพิกุล ดอกมะลิ รากมะกรูด รากมะนาว บุนนาค กฤษณา สารภี และเกสรบัวหลวง เป็นต้น ซึ่งต่อมามีผู้นำสูตรไปพัฒนาต่ออีกหลากหลาย สมุนไพรจึงมีความแตกต่างกันไปบ้าง
ยกเว้น “ฝาง” นี่ล่ะค่ะ ที่นับเป็นสมุนไพรหลักของน้ำยาอุทัยเลย เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะแก่นของฝางมีสรรพคุณหลากหลาย ช่วยบำรุงโลหิต ขับเสมหะ แก้ร้อนใน และช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ แต่ฝางเองก็แบ่งแยกประเภทลงไปอีก ซึ่งฝางที่นิยมนำมาทำน้ำยาอุทัยคือ ฝางเสน ค่ะ เพราะฝางเสน มีแก่นสีแดงเข้ม นิยมนำมาสกัดเป็นสีหลักของน้ำยาอุทัย และสีผสมอาหาร ฝางเสนส้มเป็นสารที่ละลายน้ำ ไม่ตกค้างในร่างกาย ทั้งยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยแก้อาการท้องเสียหรือบิดอย่างอ่อนได้ด้วยล่ะค่ะ
แหม สรรพคุณเยอะขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยนะคะที่แฝงจะกลายเป็นสมุนไพรหลักของน้ำยาอุทัย แต่สมุนไพรอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วก็มีสรรพคุณชั้นเยี่ยมเหมือนกันนะคะ ขอยกตัวอย่างดังนี้ค่ะ
ดอกพิกุล ให้รสเย็น ช่วยลดไข้ บำรุงหัวใจ แก้เจ็บคอ และลดอาการปวดเมื่อย
ดอกมะลิ ให้รสชื่นใจ บำรุงหัวใจ และแก้ร้อนใน
หญ้าฝรั่น ช่วยลดไข้ บำรุงเลือด บำรุงธาตุ และเป็นยาชูกำลัง
อบเชย แก้อ่อนเพลีย และเป็นยาขับลม
สารภี เป็นยาหอมบำรุงหัวใจ ช่วยแก้โลหิตพิการ และช่วยให้เจริญอาหาร
กฤษณา ช่วยรักษาอาการท้องเสีย อาเจียน และบำรุงเลือด
แรกเริ่มเดิมที นิยมนำน้ำยาอุทัยหยดลงไปในน้ำดื่มเย็นๆ เพื่อดื่มแก้กระหายค่ะ ด้วยรสชาติเฝื่อนนิดๆ ของน้ำยาอุทัย ผสมกับกลิ่นหอมๆ และสีสันยวนตา ทำให้น้ำหยดน้ำยาอุทัยกลายเป็นเครื่องดื่มแก้กระหายสุดฮิตไปอย่างง่ายดาย ต่อมาจึงได้รับการพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของเครื่องสำอาง เพราะถือว่าทำสกัดจากสมุนไพร จึงปลอดภัยกว่าเครื่องสำอางที่ใช้สารเคมีล้วนๆ นั่นเองค่ะ
ทั้งนี้น้ำยาอุทัยมีฤทธิ์เย็น หากหยดน้ำดื่มทุกวันในปริมาณมาก อาจส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายต่ำเกินไปจนไม่สบายได้นะคะ ส่วนอาการแพ้น้ำยาอุทัยเมื่อนำมาใช้ทาแก้มหรือทาปากเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลค่ะ ทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางแบบไหน ยี่ห้อใด สาวๆ ควรทดลองทาบริเวณท้องแขนดูก่อนนะคะว่าแพ้หรือไม่ ป้องกันไว้ดีกว่ามาตามรักษาแน่นอนค่ะ
