แต่รู้ไหมว่าที่จริงแล้วอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงถึง 60% โดยมีเหตุปัจจัยมาจากร่างกายของผู้หญิงที่ยากจะควบคุมได้ต่างหากล่ะ ! ลองมาทำความเข้าใจอาการ PMS กันเถอะ...
PMS หรือ Premenstrual Syndrome เป็นกลุ่มอาการเริ่มต้นก่อนมีประจำเดือน ที่สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญแทบทุกเดือน อาการนี้อาจเกิดได้ตั้งแต่ 7-10 วันก่อนมีประจำเดือน และจะค่อย ๆลดน้อยลงไปเมื่อประจำเดือนมาประมาณ 2 – 3 วัน ปกติแล้วจะไม่รุนแรงมากนัก แต่บางคนก็อาจมีอาการรุนแรงที่เรียกว่า PMDD หรือ Premenstrual Dysphoric Disorder ได้
อาการที่มักเกิดขึ้นกับสาว ๆ ในช่วงนี้ได้แก่
- หงุดหงิด โมโหง่ายแม้แต่กับเรื่องเล็ก ๆ
- เครียด วิตกกังวล กระวนกระวายใจ
- อารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง แปรปรวนง่าย
- รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- ปวดตามข้อต่อและกล้ามเนื้อ
- ตัวบวม
- หิวบ่อย กินมากจนน้ำหนักขึ้น
- ท้องเสียหรือท้องผูก
- คัดตึงเต้านม
- นอนไม่หลับ
แน่นอนว่าอาการเหล่านี้ย่อมส่งผลลบต่อคนรอบข้างและตัวของเราเองด้วย เราจึงต้องมาทำความเข้าใจกับอาการนี้ เพื่อหาวิธีดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง
สาเหตุของอาการ PMS นี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิเษฐานว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศในร่างกาย โดยมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างช่วยกระตุ้น เช่น ความเครียด กรรมพันธุ์ การขาดสารอาหารอย่างวิตามิน เกลือแร่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือกาเฟอีนเป็นประจำ เป็นต้น
วิธีรับมือกับอาการเหล่านี้อาจทำได้ 2 ทาง ทางที่หนึ่งคือการบรรเทาโดยไม่ต้องใช้ยา ได้แก่
1. หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละประมาณครึ่งชั่วโมง
2. รับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ
3. หลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่ แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
4. พยายามไม่เครียด หมั่นฝึกอารมณ์ตัวเองให้แจ่มใสและมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ
แต่หากใครที่มีอาการมากถึงขั้นกระทบกับชีวิตประจำวัน เช่น ซึมเศร้าคิดอยากฆ่าตัวตาย ไม่สนใจชีวิตและคนรอบข้าง หดหู่ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ อาจต้องพบคุณหมอเพื่อรักษาด้วยยาต่อไป