ฉันมักจะได้ฟังพ่อเล่าว่า ในตอนที่พ่อเป็นเด็กนั้น พ่อมีโอกาสไปรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ อยู่หลายครั้ง ตอนที่ได้ฟังนั้น ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรมาก อาจเป็นเพราะยังเด็ก และยังนึกภาพไม่ออกว่าการรับเสด็จคืออะไร มีความยิ่งใหญ่แค่ไหน
แต่เมื่อฉันได้ดูข่าวในพระราชสำนัก หรืออ่านหนังสือที่มีเรื่องราวของพระองค์ท่าน ฉันเริ่มอิจฉาผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีโอกาสได้รับเสด็จอย่างใกล้ชิดซึ่งฉันไม่ได้มีโอกาสนั้นเสียที จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันอยู่ในวัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว วันนั้นจำได้ว่าวิชาที่ลงเรียนจำเป็นต้องไปหาการแสดงดู ช่วงนั้นมีงานพิธีพระศพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่ตอนกลางคืนจะมีการแสดงโขน ก็เลยนัดกับเพื่อนเพื่อไปดูการแสดง โดยที่ฉันเองก็ไม่ได้คาดคิดว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะเสด็จพระราชดำเนินมาฟังสวดพระอภิธรรม
วินาทีที่ฉันได้รอรับเสด็จ รถพระที่นั่งของพระองค์แล่นผ่านอย่างช้า ๆ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และพระราชินีลดกระจกเพื่อโบกมือทักทายเหล่าพสกนิกรซึ่งก็มีฉันอยู่ในนั้นด้วย แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้เห็นพระองค์ ฉันรู้สึกราวกับเวลารอบข้างหยุดนิ่ง บารมีของพระองค์แผ่ซ่านออกมาจนฉันรู้สึกได้ว่านี่คือลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ ถือเป็นเสี้ยววินาทีที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน เพราะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ฉันได้มองพระองค์ท่านอย่างเต็มตา
แต่แม้ใครไม่มีโอกาส ไม่ต้องเสียใจไป เพียงแค่มองไปรอบกาย นมไทยเดนมาร์ก ปลานิล ถนนหลาย ๆ เส้น เพลงพระราชนิพนธ์ หนังสือ คำสอน ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่พระองค์พระราชทานให้คนไทยทุกคน พระองค์ท่านไม่ได้จากไปไหน