"คนไทยพูดไม่เชื่อ ต้องให้ต่างชาติมาบอก" - พระอัจฉริยภาพของในหลวงที่ต่างชาติทึ่ง แต่คนไทยกลับนึกไม่ถึง

"ไอเดียนี้ ใครเป็นคนคิด" 

ทีมงานก็ตอบกลับไปว่า

 "My King"

งานนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่นักวิชาการหลาย ๆ ท่านประทับใจที่สุด คือ "เขื่อนปิดปากถ้ำหินปูน เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำใต้ดิน" ซึ่งเป็นผลงานที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงกันสักเท่าไหร่ แถมนักวิชาการด้านชลประทานในประเทศรวมทั้งข้าราชการด้านนี้ ในยุคนั้นเคยคัดค้านกันด้วยซ้ำ

ทว่าเมื่อพระองค์ทรงให้ลองทำตามแนวทางพระราชดำริ ผลก็คือ ประสพผลสำเร็จ ชนิดหักปากกาเซียนชาวไทย แถมนักวิชาการระดับโลกยังยกย่องอีกต่างหาก 

ที่มาของเรื่องราว แสดงถึงพระอัจฉริยภาพที่คนไทยนึกไม่ถึง แต่ต่างประเทศให้การยอมรับ : 
 

คุณลลิต ถนอมสิงห์ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ท่านเล่าว่า...
นานมาแล้ว ในหลวง พระองค์ท่านอยากจะสร้าง 'เขื่อนปิดปากถ้ำหินปูน' เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใต้ดินสำหรับชาวบ้าน งานนี้พระองค์ท่าน ทรงกำหนดแนวพระราชดำริไว้นานกว่า 30 ปีแล้ว โดยทรงแนะนำให้ทางกรมชลประทานทำเขื่อนปิดปากถ้ำหินปูนบนภูเขา ซึ่งสามารถทำได้หลายที่

แนวพระราชดำรินี้ ทรงนำเสนอมานาน ทว่าข้าราชการยังไม่คลายกังวลเนื่องจากถ้ำหินปูนใต้ดินเป็นรูพรุนทำให้กักเก็บน้ำที่ไหลผ่านออกมาจากตาน้ำได้ยาก หากทำเขื่อนน้ำคงซึมหายลงใต้ดินไปหมด
 

ก่อนที่จะเริ่มต้นการนำเสนอ ทีมงานได้ยินในหลวงทรงเปรยๆ ออกมา 

"คนไทยพูดไม่เชื่อ ต้องให้ต่างชาติมาบอก"

ทีมงานฟังแล้วก็ตกใจ รู้ว่าทรงกริ้วอะไรสักอย่างแน่ๆ ดร.สุเมธ เลขาธิการมูลนิธิ หันไปพบสมเด็จพระเทพฯ ท่านแอบรับสั่งว่า "ตะกี้ตอนนั่งมาในรถ ก็โดนเหมือนกัน" 

ในหลวงก็รับสั่งให้สร้างเขื่อนปิดปากถ้ำหินปูนอีกครั้ง แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนั้น ไม่มีใครเชื่อว่าทำได้ และโครงการก็ต้องหยุดไป

จนแล้วจนรอด เมื่อทรงยืนยันนานนับสิบปี ในที่สุดข้าราชการยอมรับสนองตามพระราชประสงค์นั่นคือสร้างเขื่อนปิดปากถ้ำหินปูนขึ้น

​คราวนี้ให้ไปหาผู้ออกแบบและรับเหมาที่จะทำให้ได้ ทีมงานออกไปเสาะหาผู้ออกแบบและรับเหมา กี่ราย กี่ราย ก็ได้คำตอบว่า "ทำไม่ได้" ทำแล้วเขื่อนจะต้องรั่วแน่ๆ ไม่มีใครอยากเสี่ยง  ทีมงานหลายฝ่ายถึงกับแอบบ่นว่า "ไปตามใจพระองค์ท่านทำไมกัน" 

แต่สุดท้ายก็ได้ผู้ออกแบบรับเหมาที่ใกล้เกษียณมาช่วยทำงาน  เขื่อนสร้างเสร็จแล้วก็เป็นไปตามคาด รั่วตามระเบียบ ต้องทำการอุดรูรั่ว อยู่ตลอดสามปี ทีมงานไม่เข้าใจจริงๆว่าจะทำไปเพื่ออะไร 

ในระหว่างนั้นก็ยังได้รับรับสั่งจากพระองค์ท่านเพิ่มเติมว่า

"ต่อไปนี้ให้ทำเขื่อนปิดปากถ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ "

ทีมงานถึงกับ 'อึ้ง' และไม่สบายใจมาก ไปปรึกษากับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าจะทำให้เขื่อนนี้ใช้งานได้อย่างไรกัน 

และเป็นอย่างที่คาดคือเขื่อนไม่สามารถกักน้ำให้มีระดับสูงขึ้นได้ น้ำที่ไหลออกมาจากตาน้ำในถ้ำเมื่อถูกเขื่อนกั้นไว้ต่างซึมหายไปมาก

สิ่งที่ข้าราชการและนักวิชาการไม่ทันคิด :
 

น้ำที่ไหลซึมลงใต้ดินนั้นเป็นเสมือนการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ขึ้นใต้ดินที่แต่เดิมไม่เคยมี ชาวบ้านพื้นราบรอบภูเขาที่คุ้นเคยกับความแห้งแล้งไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้ เนื่องจากน้ำไหลลงสู่พื้นราบด้านล่างไปหมด

นับตั้งแต่มีเขื่อนปิดปากถ้ำหินปูนขึ้น พื้นดินรอบภูเขาเปลี่ยนสภาพเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ สามารถทำเกษตรกรรมหลายชนิด สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านรอบพื้นที่

เรื่องราวอย่างนี้ สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างมาก ทว่าไม่เป็นที่รับรู้กันสักเท่าไหร่ 

อาจารย์ผู้เล่าเล่าให้ฟังว่า 

30 ปีต่อมา ทางมูลนิธิชัยพัฒนาและนักวิชาการด้านชลประทานที่เคยคัดค้านแนวพระราชดำริ ติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นให้มากราบทูลพระองค์ท่านเรื่องเขี่อนปิดปากถ้ำหินปูนเคยนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านชลประทานชาวต่างชาติหลายคน ด้วยการส่งอีเมลไปถามความเห็นจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศหลายคน

อีเมลที่ส่งกลับมาจากต่างประเทศทุกฉบับถามว่า 

"ไอเดียนี้ ใครเป็นคนคิด" 

ทีมงานก็ตอบกลับไปว่า 

"My King"

อีเมลทุกฉบับตอบกลับมา ยาวบ้าง สั้นบ้าง แต่มีใจความเหมือนกันว่า 

"Genius" 

ซึ่งนับแต่นั้น ชาวบ้านบริเวณนั้นไม่เคยประสบปัญหาน้ำแล้งอีกเลย เนื่องจากมีน้ำที่กักเก็บใต้ดิน และน้ำที่เซาะตามร่องหินทำให้ดินชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา

ในหลวงทรงคิดได้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ไม่มีใครยอมทำให้พระองค์ท่าน
ราคาที่ญี่ปุ่นเสนอมาคือ 2000 ล้านบาท แต่ของในหลวงสร้างใช้เพียง 13.5 ล้านบาท 

"คนไทยพูดไม่เชื่อ ต้องให้ ต่างชาติมาบอก" 

คำพูดตัดพ้อที่ทำให้ต้อง 'ฉุกคิด'

เรื่องของ 'นวัตกรรม' คนไทย ทำได้
ในหลวงท่าน 'พิสูจน์' มาแล้วทั้งชีวิต