เรื่อง: ว่าที่ร้อยตรี นฤเบศร์ บัวหอม ภาพ: Persona Relax

 ภูทับเบิก Landmark ใหม่ของเพชรบูรณ์ 
 

กะหล่ำปลีฟูเขียวสวยเต็มภูเขา หนึ่งภาพประทับใจของนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนภูทับเบิกครั้งแรก บวกกับวิวทิวทัศน์ของภูเขารอบ ๆ ที่สลับเรียงซ้อนกันได้อย่างลงตัว ต้นไม้ดอกไม้สวยสดชื่นชุ่มใจทั้งเช้า บ่าย เย็น
 

สิ่งที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากขึ้นภูทับเบิกกันทุกวันหยุดก็คือ อากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นผลพลอยได้ของร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัย ทะเลหมอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว และดอกพญาเสือโคร่งที่บานเต็มภูช่วงปีใหม่สวยไม่แพ้ทางเหนือเลย
 

รถไต่ขึ้นภู

ภูทับเบิกตั้งอยู่ในเขต จ.เพชรบูรณ์ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด สูงถึง 1,768 เมตรจากระดับน้ำทะเล ชาวภูทับเบิกดั้งเดิมส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าม้ง หาเลี้ยงชีพด้วยการทำเกษตรแบบขั้นบันได
 

การเดินทางของผมเริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยรถส่วนตัว ล้อหมุนเวลาตีหนึ่ง ถึงภูทับเบิกประมาณหกโมงเช้า ถนนบางช่วงมีการซ่อมและค่อนข้างมืดจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ก่อนขึ้นภูขอพักเอาแรงและเช็ครถกันหน่อย ถามว่าทำไมถึงต้องเช็ครถนะหรือ ลองเปิดดูแผนที่กันดูได้ครับทุกท่าน ระยะทางราว ๆ 18-19 กม. อาจจะมองว่าก็ไม่ไกล แต่ถนนนี่ขั้นปราบเซียนเลยครับ เป็นทางโค้งตลอดแถมชันมาก เรียกว่าใครที่จะไปเที่ยวด้านบนของภูทับเบิกแนะนำให้ฟิตทั้งรถทั้งคนขับนะครับ
ช่วงที่ผมขมักเขม้นไต่ขึ้นที่สูง พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นพอดี ทำให้เห็นมุมสวย ๆ ของภูทับเบิกเพิ่มขึ้น ภาพลำแสงที่สาดตรงมากระทบกับใบไม้สลับสี รู้สึกเหมือนได้เขยิบเข้าใกล้ธรรมชาติมากขึ้น เห็นไหมครับว่าทุกการเดินทางมักมีเรื่องราวระหว่างทางให้พบเจอเสมอ
 

สมรภูมิอัศจรรย์

ไม่ไกลจากภูทับเบิกคือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จุดน่าแวะอีกหนึ่งจุด เปิดให้เราเข้าไปเดินป่าแบบไม่เร่งรีบ ชมพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ เยี่ยมชมลานหินปุ่ม ลานหินรูปร่างแปลกตาที่ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ เป็นลานกว้างริมหน้าผาที่มีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่มปมขนาดไล่ ๆ กันตามชื่อที่เรียก
 

ในอดีตภูหินร่องกล้านั้นคือสมรภูมิแห่งการสู้รบระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ กับ ฝ่ายมั่นคง ต่อสู้กันยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 – 2525 หลังจากทุกอย่างสงบ ด้วยธรรมชาติที่แปลกตาและสวยงามดินแดนนี้ก็ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินตามรอยของผู้กล้า
 

นอนบนภู
 

ทันทีที่ถึงภูทับเบิกก่อนจะหาที่พัก แนะนำให้หาที่จอดรถให้ได้ก่อนนะครับ เพราะในแต่ละวันไม่ว่าวันหยุดยาว วันหยุดสั้น วันธรรมดา หรือวันไหน ๆ นักท่องเที่ยวสับเปลี่ยนกันมาสูดโอโซนกันอย่างไม่ขาดสายเลย ซึ่งตอนนี้คือปัญหาของที่เที่ยวยอดฮิตเลย ขณะนี้กรมป่าไม้ก็เริ่มเข้ามาจัดระเบียบแล้ว ช่วงไฮซีซั่นของที่นี่คือปลายฝนต้นหนาว เดือนกันยายน-พฤศจิกายน ควรวางแผนการเดินทางและจองที่พักกันแต่เนิ่น ๆ
 

เมื่อได้ที่จอดรถเหมาะ ๆ ไม่เป็นจระเข้ขวางคลองแล้ว ก็ลงเดินเลยครับเพราะบนภูทับเบิกการเดินเป็นอะไรที่สะดวกที่สุด อาจเหนื่อยหน่อยแต่ก็สะดวกครับเพราะทางบนภูทับเบิกนั้นแคบและชันมาก

เรื่องที่พัก ถ้าเป็นบ้านพักส่วนใหญ่เต็มครับ มีคนจองล่วงหน้าไว้หมดแล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 700 บาท แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เมื่อไม่ได้บ้านพักเราก็กางเต๊นท์สิครับ พื้นที่สำหรับกางเต้นท์มีให้บริการมากมาย ช่วงหน้าฝนคิดคนละ 60 บาท หากเป็นหน้าหนาวราคาอัพขึ้นเป็น 100 บาท/คืน ไปตัวเปล่าก็นอนได้เพราะเต๊นท์ หมอน ที่นอน ผ้าห่ม เตาถ่าน และอีกมากมายมีให้เช่าครบ ห้องน้ำห้องท่าก็มีให้บริการ จัดแจงที่พักเรียบร้อย ตกกลางคืนเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปิด ต้องมานอนเรียงรอดูดาวสวย ๆ วันไหนโชคร้ายฟ้าปิดให้มองด้านล่างครับ แสงไฟของเมืองด้านล่างสวยราวกับดาวบนดินเลยล่ะครับ มันคือตัวอำเภอหล่มนั่นเอง
 

ลองหาเวลาพาตัวเองออกจากชีวิตที่จำเจ ออกจากความวุ่นวาย ออกไปสัมผัสธรรมชาติ ผมเองชอบถ่ายรูปครับแต่สำหรับธรรมชาติตรงหน้าแล้ว ผมแทบไม่ยอมให้กล้องถ่ายรูปมาขัดจังหวะความสุขของผมเลย เพราะบางครั้งผมก็อยากมอง อยากสัมผัส อยากชื่นชมสิ่งที่เราเห็นมากกว่าการถ่ายภาพก็ได้

ขากลับแวะถ่ายรูปหมู่สวย ๆ กันที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ทางผ่านกลับกรุงเทพฯ ที่อ้อมนิดหน่อยแต่สวยคุ้มค่าเสียเวลา สะพานรถไฟลอยน้ำคือโบนัสของการมาด้วยรถยนต์ ได้ถ่ายรูปทางรถไฟที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตาพาดยาวข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถ้ามาช่วงหน้าน้ำมากนำเสนอให้มาโดยรถไฟ เพราะจะหมือนได้นั่งรถไฟลอยน้ำกันเลยทีเดียว

รูปภาพปก: pixabay.com