โดยปกติแล้ว เวลาที่เราพูดถึง “ยาคุมกำเนิด” ก็มักจะคิดถึงการใช้โดยผู้หญิงเป็นหลักใช่ไหมล่ะคะ ทั้งนี้ก็เพราะส่วนใหญ่แล้วยาคุมกำเนิดมักจะเป็นตัวยาที่ร่างกายได้รับผ่านวิธีการกิน หรือฉีดเพื่อกระตุ้นหรือป้องกันมิให้เกิดการฝังตัวอ่อนที่มดลูกนั่นเอง ด้วยเหตุนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นเพศหญิงเพียงฝ่ายเดียวที่ต้องใช้ยาเพื่อคุมกำเนิด ฟังดูแล้วอาจจะไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไร

แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาไปไกลมากแล้ว ทำให้ตอนนี้เราสามารถสร้างยาคุมกำเนิดที่ใช้ในเพศชาย ผ่านวิธีการฉีดได้แล้วค่ะ โดยจากการศึกษาของสถาบัน The Parsemus Foundation (องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรของอเมริกา) พบว่า การใช้โพลิเมอร์ไฮโดรเจล (สารที่สามารถดูดซับของเหลวได้ในปริมาณมาก โดยจะเปลี่ยนสภาพของเหลวให้อยู่ในรูปแบบเจล) ที่่มีชื่อว่า Vasalgel ฉีดเข้าสู่หลอดนำอสุจิ (Vas deferens) ซึ่งเป็นทางผ่านของตัวอสุจิเข้าสู่ท่อปัสสาวะ

หลอดนำอสุจินี้มีลักษณะเป็นท่อที่ต่อมาจากถุงเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) มีกล้ามเนื้อเรียบหนา 3 ชั้นหุ้มอยู่ กล้ามเนื้อของหลอดนำอสุจิเหล่านี้ จะทำหน้าที่ในการบีบตัว เพื่อให้ตัวอสุจิเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งการฉีด Vasalgel เข้าไป จะส่งผลให้อสุจิไม่สามารถหลั่งออกมาจากหลอดนำอสุจิได้ เพราะตัวเจลจะเข้าไปขัดขวางทางเดิน ดังนั้น เมื่อไม่มีอสุจิที่จะเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ในมดลูกของผู้หญิง การตั้งครรภ์ก็จะไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ในการฉีดยาจำเป็นจะต้องมีการใช้ยาชาเฉพาะจุดก่อน เนื่องจากการฉีดยาเข้าสู่บริเวณนี้จะค่อนข้างเจ็บปวด แต่ในการฉีดยาคุมกำเนิดนี้เพียงครั้งเดียว จะช่วยคุมกำเนิดได้นานถึง 10 ปีเลย

สำหรับคนที่อยากมีลูกก่อน 10 ปีหลังจากที่ได้รับยาชนิดนี้ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะว่ามีตัวยาชนิดหนึ่งที่เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะสามารถสลายเจลที่สกัดกั้นการเดินทางของอสุจิในหลอดนำอสุจิได้ แค่เพียงเท่านี้ก็สามารถมีลูกได้ตามปกติแล้วละค่ะ  

เหนือสิ่งอื่นใด การฉีดยาคุมก็ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อหรือเชื้อร้ายต่าง ๆ ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้น ควรมีการป้องกันโดยอาจจะใช้ถุงยางอนามัยหรือการตรวจสุขภาพก่อนมีเพศสัมพันธ์ของคู่นอนด้วยนะคะ