เริ่มออกเดินทางโดยรถทัวร์ต้นทางกรุงเทพมหานคร ปลายทางเชียงของ เราเลือกเดินทางในตอนกลางคืนเพื่อจะได้ไปถึงในตอนเช้าของอีกวัน ซึ่งต้องไปต่อรถสองแถวเพื่อขึ้นไปผาตั้งกัน รถสองแถวที่วิ่งไปผาตั้งจะจอดอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงเยื้องกับโรงเรียนอนุบาลเชียงของ เป็นรถสองแถวสีฟ้า ให้สังเกตดูว่าหน้ารถเขียนว่า เชียงของ - ผาตั้ง หรือไม่ เพราะบางคันอาจไปไม่ถึงผาตั้ง ... ถ้าเห็นว่าใช่ก็กระโดดขึ้นรถได้เลย
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงบ้านผาตั้ง เราจองที่พักไว้ที่ “ผาตั้งฮิลล์ รีสอร์ท” แม้ยังไม่ทันได้ขึ้นดอยแค่ออกมายืนหน้าบ้านพักก็ได้เห็นวิวสวย ๆ กันแล้ว
หลังจากเก็บข้าวของและหาอะไรกิน ก็ถึงเวลามุ่งหน้าสู่เป้าหมายของเรา นั่นคือการขึ้นไปชมวิวบนดอยผาตั้ง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้บริการเช่าเหมารถหรือไม่ก็ขับรถยนต์กันมาเอง แต่สำหรับเรานั้นอยากสัมผัสกับอากาศเย็นสบายบนยอดดอยแบบเต็มอิ่ม จึงขอเดินชิลให้สายลมเย็นมาปะทะใบหน้าให้สดชื่น ... ก็แค่ระยะทางประมาณ 2 กม. เอง !
เดินไม่ทันจะเหนื่อย ก็มาถึงจุดชมวิวดอยผาตั้งที่ตั้งตาคอย ข้างบนมีป้ายต้อนรับคอยบอกทาง ตรงที่ที่เรายืนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของฝั่ง สปป.ลาว ประเทศเพื่อนบ้านเราได้อย่างชัดเจน
จากจุดนี้ต้องเดินขึ้นเขาต่อไปอีกเพื่อไปยังจุดชมวิวที่เรียกว่า เนิน 102 และ เนิน 103 ซึ่งไม่ไกลมากนัก แต่ถ้ารวมกับที่เดินมาตั้งแต่แรกก็เกือบ 3 กิโล บวกกับความชันของเขาด้วยแล้ว ทำให้ตอนนี้ก็เริ่มเมื่อยขาอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อได้เห็นวิวตรงหน้าเท่านั้น ความเมื่อยของเราก็หายไปในพริบตาเพราะเวลานี้ร่างกายได้ถูกเติมพลังจากธรรมชาติเรียบร้อย ภาพภูเขาสีเขียวเรียงสลับซับซ้อน แม่น้ำโขงทอดยาวไหลผ่านภูเขา ก้อนเมฆเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ขอทิ้งตัวนั่งพักสูดอากาศ รับลมเย็น ๆ บนนี้สักพักแล้วกัน ...
เมื่อชมวิวจนอิ่มใจก็ได้เวลาอิ่มท้องกับมื้อเย็น เราเลือกมาชิมเมนูอาหารสไตล์จีนยูนนาน “ขาหมูและหมั่นโถ” ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องลิ้มลอง เพราะเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ใครไม่ได้กินเหมือนยังมาไม่ถึง !
หลังจากหลับสนิทชาร์จพลังเต็มที่ เช้านี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องบอกลาธรรมชาติที่สวยงามกันแล้ว เราเดินทางกลับด้วยรถสองแถวเช่นเดิม โดยเดินมารอรถที่สถานีอนามัยผาตั้ง จนประมาณ 8 โมงเช้ารถก็จะมาจอดรับ ในระหว่างนั่งรถเรายังสามารถชมวิวทิวทัศน์บรรยากาศข้างทางได้ตลอดทาง เป็นการสูดอากาศบริสุทธิ์ส่งท้ายของการมาเที่ยวพักผ่อนในครั้งนี้ ถึงแม้ ทริปนี้ดูเหมือนจะไม่ได้พักร่างกายสักเท่าไร เพราะใช้พลังงานไปกับการเดิน แต่ก็เป็นการเดินที่พาเราไปพบกับความสวยงามที่หาไม่ได้ในเมือง
• ช่วงเวลาที่น่าไปเยือนคือ เดือนธันวาคม - มกราคม เป็นช่วงที่ดอกซากุระและดอกไม้เมืองหนาวจะบานสระพรั่งบนดอยผาตั้ง
• บนดอยผาตั้งสามารถนำเต็นท์ไปกางได้ แต่พื้นที่มีไม่มาก หากไปช่วงเทศกาลอาจต้องรีบขึ้นไปจับจองพื้นที่
• รถสองแถวขึ้น-ลงผาตั้ง มีไม่มากนัก ควรสอบถามเวลาคนขับรถให้แน่นอน หรือขอเบอร์โทรศัพท์ไว้