เมื่อที่บ้านไม่ใช่ Safe Zone สำหรับเรา จะทำอย่างไรดี
Posted By Plook Magazine | 01 ธ.ค. 62
13K views

Shares
0

ก็ต้องยอมรับกับตามความจริงว่าปัจจุบันมีหลายคนที่รู้สึกว่า ที่บ้านไม่ได้ปลอดภัย หรือช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้หัวใจเลย บางคนมีบ้านให้กลับแต่ไม่อยากกลับ มันเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อบ้านไม่ใช่ 'Safe Zone' เราจะทำอย่างไรได้บ้าง มาฟังความคิดเห็นจากคนที่มีประสบการณ์ตรงกัน

 

 

วาว -- Guest Service Agent

 

เราย้ายมาอยู่บ้านแฟนจะ 2 ปีแล้ว และบ้านแฟนกับญาติจะอยู่ติด ๆ กัน เราอยู่ติดกับบ้านน้าของแฟน เเล้วเขาชอบเอาเปรียบมาก อย่างแรกคือค่าไฟที่ต้องหารกันคนละครึ่งเพราะใช้หม้อไฟเดียวกัน ตอนแรกเขาก็ส่งบิลมาให้เราดูอยู่หรอกว่าเท่าไหร่ แต่ทำได้สักพักก็เริ่มไม่ให้เราดูบิลแล้วบอกแค่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ซึ่งมันเป็นพันอ่ะ เราไม่คิดว่าใช้ไฟเยอะขนาดนั้นเพราะทำงานทั้งวัน ต่อมาคือรองเท้าแตะ ถอดไว้หน้าบ้านก็เอาไปใส่เป็นของตัวเอง ที่หนักคือมาเอาแม้กระทั่งทัพพี ปลาร้า แก๊สปิคนิค ถ้วยใบเล็ก ๆ ตอนนี้ต้องเขียนชื่อไว้ที่ข้าวของแทบทุกอย่างเพราะทวงแล้วได้คืน แต่ใครจะอยากใส่ อยากใช้ต่อเขา ตอนนี้ทำได้แค่เก็บตังค์เพื่อย้ายไปอยู่ที่อื่น

วาว -- Guest Service Agent

 

 

Thida -- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

 

ปกติแล้วถ้าที่ไหนไม่ใช่ Safe Zone เราก็แค่ต้องเลี่ยงใช่มั้ย แต่ถ้าเป็นบ้าน มันก็ยากที่จะเลี่ยง เเละสาเหตุที่แท้จริงมันไม่น่าจะใช่สถานที่แต่เป็นคนในบ้านที่มัน toxic ไม่ว่าจะเป็นคำพูดไม่คิด อีโก้ของเขา ส่วนเราเองก็ยังเด็กไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ เราเลยชอบคิดว่ามันคือชาเลนจ์ เช่น ในช่วงอ่านหนังสือสอบแล้วพ่อแม่ทะเลาะกัน เราก็จะเอาเพลงมาฟังหรือตั้งปณิธานที่แน่วแน่ว่า ถึงจะมีคนตะโกนโหวกเหวกในช่วงอ่านหนังสือ แต่คะแนนฉันดีได้แน่ ๆ ถ้าตั้งใจอ่าน เราคิดเสมอว่าถึงแม้ที่บ้านจะไม่ใช่เซฟโซน แต่ตัวเรานี่แหละคือ Comfort Zone ของเราเอง และสักวันเราจะมีบ้านที่เป็นเซฟโซนของเราจริง ๆ

Thida -- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

 

 

บรีมมี่ -- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

 

เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกของคนในครอบครัวมาตลอด Comfort Zone ของเราบางครั้งก็มีแค่ในห้องน้ำ ผ้าห่มคลุมหัว ใช้เงินซื้อในสิ่งที่อยากได้ แต่กลับซื้อครอบครัวที่เข้าใจไม่ได้ เราเลือกที่จะยอมบ่อยเพราะไม่มีสิทธิ์โมโหเวลาที่ผู้ใหญ่ด่า ทั้งที่ผู้ใหญ่ด่าก็เพราะเขาโมโห และบางทีเราไม่ได้ผิดเลย ขณะเดียวกันในเวลาที่เราท้อ อยากระบาย กลับไม่มีใครพร้อมรับฟังเลย กลายเป็นว่าเราต้องคอยรับความรู้สึก รองรับอารมณ์ของทุกคนในครอบครัว แต่ไม่มีใครรับรู้ความรู้สึกของเราเลย ทุกวันนี้เราไม่อยากกลับบ้านเลย ทำได้แค่ตั้งใจเรียนเพื่อซื้อบ้านสักหลังเป็นของตัวเองที่อบอุ่นจริง ๆ

บรีมมี่ -- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

 

 

เซฟ -- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

 

ถ้าเรารู้สึกว่าที่บ้านทำให้ทุกข์ เราจะไม่กลัวที่จะไปขอความช่วยเหลือเลย เพราะถ้าสาเหตุมันร้ายแรงเกินตัวเราไปมาก เราแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ ถ้าอยู่ต่อไปมันจะไม่ดีต่อตัวเราและอนาคตของเรา เราจะไปขอให้ญาติช่วย ให้ครูที่สนิทช่วย ให้เขาช่วยพาออกไปจากที่ที่ทำให้เราทุกข์ เพราะบางครั้งเราก็ต้องยอมตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีต่อตัวเอง ถึงแม้ที่บ้านจะมีพ่อแม่ที่เป็นโลกทั้งใบก็ตาม แต่ถ้าเขาเซฟเราไม่ได้ เราก็ต้องเซฟตัวเองก่อน

เซฟ -- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

 

 

 

เรื่อง : วัลญา นิ่มนวลศรี

ภาพ : แอมเบียน

 

 

เว็บไซต์ปลูกเฟรนส์ดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป

Tags