www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




คลังความรู้ > สื่อพัฒนานอกระบบ > มัธยมปลาย

รู้รอบโลก ตอน ปริศนาสัญลักษณ์
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-01-07 15:11:05

เรื่อง: พฤทธิ์ เลิศสุกิตติพงศา  ภาพประกอบ: พลอยขวัญ สุทธารมณ์

 

ปริศนาสัญลักษณ์



แม้มนุษย์จะฉลาดเฉลียวถึงขั้นที่เตรียมตัวเดินทางไปสำรวจดาวอังคาร และดวงดาวอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้ แต่น่าแปลกใจที่เรากลับไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์บางเหตุการณ์ได้อย่างเต็มปาก โลกใบนี้มีสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้แน่ชัด ซึ่งส่วนใหญ่มักเกี่ยวโยงกับอารยธรรมโบราณและความเชื่อในอดีต ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดให้คำตอบได้...กลายเป็นปริศนาตลอดกาล

 

ปริศนาสัญลักษณ์หนึ่งที่ยังไม่มีคำอธิบาย คือรอยแผลลึกลับที่ปรากฏบนร่างกาย ซึ่งเรียกว่า สติ๊กมาต้า (Stigmata) หรือรอยแผลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเยซูเจ้า สืบเนื่องจากในสมัยจักรวรรดิโรมันมีการประหารชีวิตด้วยการตรึงร่างกายที่กางเขน ผู้ต้องโทษจะถูกตอกตะปูทะลุมือและเท้าทั้งสองข้างและปล่อยให้ทรมานจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ใช้ทรมานพระเยซู อันปรากฏในพระวรสารของศาสนาคริสต์

 

ว่ากันว่าผู้มีศรัทธาแรงกล้าจะมีบาดแผลปรากฏตามร่างกาย บางกรณีร่องรอยเกิดขึ้นบริเวณศีรษะในตำแหน่งใกล้เคียงกับมงกุฎหนาม ตามประวัติศาสตร์มีผู้อ้างว่าได้รับสติ๊กมาต้ามากมาย ทั้งที่เมื่อตรวจอย่างละเอียดแล้วเป็นเพียงบาดแผลตื้นๆ ที่รักษาหายได้ แต่ก็พบบาดแผลจริงๆ ที่เกิดขึ้นเองอย่างลึกลับ รักษาให้หายแต่ก็เกิดใหม่ซ้ำที่เดิมครั้งแล้วครั้งเล่า มีนักบุญและบุคคลสำคัญทางคริสตศาสนาหลายท่านที่มีสติ๊กมาต้า อาทิ เซนต์ฟรานซิส ออฟ อัสซีซี่ (St. Francis of Assisi) หรือ มารีย์ เดอ เมอร์ล (Marie de Moerl) จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดที่สามารถพิสูจน์ถึงที่มาที่ไปของสติ๊กมาต้า

 

เส้นนาซคา (Nazca Lines) ลายเส้นประหลาดบนทะเลทราย ซึ่งเป็นการขุดเอาหน้าดินหรือหินชั้นบนที่มีสีแดงเข้มออกจนเห็นพื้นชั้นล่างที่มีสีอ่อนกว่า เส้นนาซคากินอาณาเขตกว่า 520 ตารางกิโลเมตรบนทะเลทรายนัซกา ประเทศเปรู มีความยาวหลายร้อยเมตร หากอยู่บนพื้นดินเราจะมองไม่เห็นเป็นรูปอะไร ต้องมองในระยะสูงเท่านั้น เส้นประหลาดนี้มีรูปร่างต่างๆ ไม่ว่าจะรูปสัตว์หรือรูปคน ทำให้เกิดการถกเถียงในวงการประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และธรณีวิทยา ไปจนถึงวงการมนุษย์ต่างดาว เพราะไม่เคยมีบันทึกใดๆ ว่าใครเป็นคนทำ ทำตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือทำไปทำไม บ้างก็ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวมาสร้างแลนด์มาร์ค เพื่อให้จอดยานง่ายๆ บ้างก็มีสมมติฐานว่ามนุษย์นี่แหละปักไม้บอกตำแหน่งแล้วค่อยๆ วาดขึ้นมาเป็นงานศิลปะชิคๆ ในยุคนั้น

 

ท้ายที่สุดเหล่านักวิทยาศาสตร์ก็สรุปตามข้อมูลและสมมติฐานของ มาเรีย ไรเชอร์ (Maria Reiche) นักคณิตศาสตร์และนักโบราณคดีชาวเยอรมันผู้ศึกษาเรื่องเส้นนาซคา ว่าไม่น่าจะถูกสร้างเพื่อเหตุผลทางดาราศาสตร์ แต่น่าจะสร้างตามหลักทางคณิตศาสตร์ เพื่อบูชาความเชื่อบางอย่างตามอารยธรรมเก่าแก่ในยุค ค.ศ. 400-650 แต่คำถามที่ยังค้างคาว่าทำโดยใคร เผ่าไหน อย่างไร ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่

 

อีกหนึ่งปริศนาจากอดีตสู่ปัจจุบันก็คือ กลุ่มหินสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ที่ทุ่งราบซัลลิสเบอรี่ในประเทศอังกฤษ หินก้อนใหญ่และหนักกว่าร้อยก้อนถูกนำมาจัดเรียงตั้งซ้อนขึ้นไป ข้อมูลการตรวจสอบหินบอกเพียงว่ามันถูกสร้างขึ้นมากว่า 5,000 ปีแล้ว แค่เพ่งพิจารณาและใคร่ครวญถึงวิธีทางกลศาสตร์ในการขนหินหลายสิบตันจากที่อื่นมายังจุดที่อยู่ตอนนี้ ก็นับว่ายากสำหรับวิทยาการและเทคโนโลยีในปัจจุบันแล้ว แล้วมนุษย์ยุคก่อนเขาทำไปเพื่ออะไรนะ มีข้อสันนิษฐานมากมายทั้งเพื่อพิธีกรรมความเชื่อ เพื่อดาราศาสตร์ หรือเป็นจุดเชื่อมดินแดนของคนเป็นและคนตาย แม้จะฟังดูน่าขนลุก แต่สโตนเฮนจ์ก็กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของอังกฤษที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาดูด้วยตาตนเองปีละเป็นล้านคน

 

ในความลึกลับเต็มไปด้วยความท้าทายในการหาไขคำตอบของมนุษย์ช่างสงสัย แต่อีกนัยหนึ่ง ปริศนาเหล่านี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งให้เราอยากเก็บความลับนั้นไว้ต่อไป โลกใบนี้และชีวิตของเราช่างน่าทึ่งใช่ไหม

 

อ่านเรื่องลึกลับของแวมไพร์ และเรื่องลี้ลับอื่นๆ ในเมนู “คลิปเด็ด แปลไทยคลิกที่นี่

 

 

 

ที่มา : นิตยสาร pook ฉบับที่46 เดือนตุลาคม 2557