ความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิต
กลุ่มสิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งที่อยู่ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรามีทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชวิตตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปเรียกว่า กลุ่มสิ่งมีชีวิต
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตแหล่งที่อยู่แหล่งใดแหล่งหนึ่งเรียกว่า ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. ระบบนิเวศบนบก เช่น
• ระบบนิเวศป่าไม้
• ระบบนิเวศทะเลทราย
• ระบบนิเวศทุ่งหญ้า
• ระบบนิเวศชายป่า
2. ระบบนิเวศในน้ำ เช่น
• ระบบนิเวศน้ำจืด
- หนองน้ำ
- แม่น้ำ
• ระบบนิเวศน้ำเค็ม
- ทะเล
- มหาสมุทร
ลักษณะความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
1. ความสัมพันธ์แบบได้ประโยชน์ร่วมกัน
ความสัมพันธ์แบบได้ประโยชน์ร่วมกัน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าแบบซิมไบโอซิส เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต ซึ่งต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกัน โดยไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน เช่น
- นกเอี้ยงบนหลังควาย โดยนกเอี้ยงช่วยจิกแมลงที่รบกวนบนหลังควาย ในขณะเดียวกันควายก็เป็นแหล่งอาหารของนกเอี้ยง
- ดอกไม้กับผึ้ง ผึ้งได้น้ำหวานจากดอกไม้ ดอกไม้ได้รับการขยายพันธุ์โดยผึ้งเป็นผู้ช่วย
- มดดำกับเพลี้ยอ่อน มดดำดูดน้ำเลี้ยงจากเพลี้ยอ่อน และคาบเพลี้ยอ่อนไปวางตามที่ต่าง ๆ เพลี้ยอ่อนได้แหล่งอาหารใหม่
2. ความสัมพันธ์แบบต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ความสัมพันธ์แบบต้องพึ่งพากัน เป็นความสัมพันธ์ที่สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ชนิดได้ประโยชน์โดยที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกันตลอดชีวิต เช่น
- ต่อไทรกับลูกไทร ต่อไทรเป็นแมลงชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในลูกไทรตลอดชีวิต ส่วนต้นไทรสืบพันธ์ต่อไปได้เพราะต่อไทรทำหน้าที่ผสมเกสร
- โปรโตซัวในลำไส้ของปลวก ปลวกอาศัยโปรโตซัวลำไส้ของปลวก ปลวกจะอาศัยโปรโตซัวช่วยย่อยเนื้อไม้หรือกระดาษที่ปลวกกินเข้าไป ส่วนโปรโตซัวก็ได้อาหารจากปลวก
- ไลเคน (รากับสาหร่าย) ไลเคนที่ขึ้นอยู่กับต้นไม้ เป็นชีวิตระหว่างเชื้อรากับสาหร่ายอยู่ร่วมกัน โดยที่สาหร่ายสร้างอาหารได้เองและอาศัยความชื้นจากเชื้อรา ราจะดูดอาหารที่สาหร่ายอยู่ร่วมกัน โดยที่สาหร่ายสร้างอาหารได้เองและอาศัยความชื้นจากเชื้อรา ราจะดูดอาหารที่สาหร่ายสร้างขึ้น
3. ความสัมพันธ์แบบอิงอาศัย
ความสัมพันธ์แบบอิงอาศัยหรือแบบได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว หมายถึงสิ่งมีชีวิตสองชนิดมาอาศัยอยู่ด้วยกันโดยฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่เสียประโยชน์อาจจะเรียกการอยู่ร่วมกันแบบนี้ได้ว่า เป็นแบบเกื้อกูล
- กล้วยไม้ พลูด่าง เฟิร์น กับต้นไม้ใหญ่ ที่อาศัยอยู่เฉพาะบริเวณของเปลือกต้นไม้ ไม่ได้แย่งอาหารภายในลำต้น
- เหาฉลามกับปลาฉลาม ก็ได้อาศัยอาหารที่ลอยมากับน้ำ ทั้งนี้มิได้แย่งอาหารของปลาฉลาม ปลาฉลามก็ไม่เสียประโยชน์
- หมาไฮยีนากับสิงโต หมาไฮยีน่าจะคอยกินซากเหยื่อจากที่สิงโตกินอิ่มและทิ้งไว้ ส่วนสิงโตไม่ได้ประโยชน์อะไรจากหมาไฮยีนา
4. ความสัมพันธ์แบบล่าเหยือ
ความสัมพันธ์แบบล่าเหยือ เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งที่มีชีวิตทั้ง 2 ชนิด โดยฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ล่า และอีกฝ่ายเป็นผู้ถูกล่าหรือเป็นเหยือ ผู้ล่า เป็นผู้ได้ประโยชน์ ส่วนผู้ถูกล่าจะเป็นผู้เสียประโยชน์ เช่น
- หนอนกับใบไม้ หนอนเป็นผู้ล่า ใบไม้เป็นเหยื่อ
- นกกับหนอน นกเป็นผู้ล่า หนอนเป็นเหยือ
- แมวกับหนู แมวเป็นผู้ล่า หนูเป็นเหยื่อ
5. ความสัมพันธ์แบบพาราสิต
ความสัมพันธ์แบบพาราสิตเป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตโดยฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ เช่น
- พยาธิกับคน พยาธิเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในตัวสัตว์อื่น เช่น คน สุนัข แมว สุกร โดยพยาธิจะดูดกินเลือดของสัตว์ที่มันอาศัยอยู่ จนทำให้สัตว์นั้นมีสุขภาพทรุดโทรมทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้
- กาฝากกับต้นไม้ใหญ่ กาฝากบนต้นไม้ใหญ่คอยแย่งอาหารจากต้นไม้ ซึ่งขณะเดียวกันต้นไม้ก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากกาฝากเลย
โซ่อาหารและสายใยอาหาร
โซ่อาหารเป็นการกินต่อกันเป็นทอด ๆ ของสิ่งมีชีวิต โดยมี
โซ่อาหาร
โซ่อาหารและสายใยอาหาร
ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน