เรื่อง: พฤทธิ์ เลิศสุกิตติพงศา  ภาพประกอบ: อารัมภ์พร เอี่ยมวุฒิ

Underwear ชั้นในนั้นสำคัญไฉน

ครั้งแรกที่มีการบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชุดชั้นใน เป็นช่วง 1,300 ปีก่อนคริสตกาลที่มีการฝังพระศพของ คิง ทุต (King Tut) กษัตริย์แห่งอียิปต์ พร้อมกับสมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ รูปปั้น และผ้าเตี่ยวจำนวนมาก! นั่นอาจนับได้ว่า ชุดชั้นในเป็นอาภรณ์ชิ้นที่อยู่คู่กับมนุษยชาติมาเนิ่นนานทีเดียว

ความนิยมในชุดชั้นในเกิดขึ้นและวิวัฒน์ในทวีปยุโรปมาตั้งแต่ยุคโรมัน ภายใต้เสื้อคลุมตัวหลวมที่ชาวโรมันสวมใส่จะมีชุดชั้นในอีกชิ้นหนึ่ง ชุดชั้นในช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 เป็นชุดที่เรียบง่าย เสื้อตัว กางเกงตัวเท่านั้น เพราะสาเหตุหลักของการใช้สอยคือเพื่อสวมใส่และปรากฏแก่สายตาผู้สวมใส่เท่านั้น ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อความกระชับหรืออวดสัดส่วนแต่อย่างใด
 

ปกปิดกลายเป็นเปิดเผย
กางเกงชั้นในเริ่มสั้นขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ยุคกลางของอังกฤษ และเมื่อเข้าสู่ยุครุ่งเรืองทางแฟชั่น ก็เริ่มมีงานออกแบบและงานประดิษฐ์เสื้อผ้าและชุดชั้นในหลายหลากแบบ ไอเท็มสำคัญเห็นจะเป็น codpiece (คอดพีซ) ซึ่งนับได้ว่าเป็นแม่แบบของกางเกงในชายในปัจจุบัน
 

ประวัติของ codpiece เกิดขึ้นเมื่อกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 4 อนุญาตให้ผู้มีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่ลอร์ดขึ้นไปสามารถใส่เสื้อคลุมแบบสั้นได้ ปลอกสวมสำหรับปิดบังอวัยวะเพศชายจึงถูกออกแบบขึ้นเป็นครั้งแรก และยิ่งฮิตกว่าเดิมเมื่อกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ทรงดัดแปลงให้ป่องขึ้น ในฟากของหญิงสาวก็มี corset (คอร์เซ็ต) ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นให้สอดรับกับค่านิยมหญิงสาวต้องเอวคอดกิ่ง อกตั้ง จากนั้นมา ทัศนคติที่มีต่อชุดชั้นในก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสิ่งจำเป็น ใครไม่ใส่ชุดชั้นในจะถูกมองว่าต่ำช้าและไร้มารยาท
 

ป้องกันเชื้อโรค
เมื่อชุดชั้นในกลายเป็นเครื่องแต่งกายมาตรฐาน จึงเริ่มมีการออกแบบให้แตกต่างระหว่างชายและหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ ชุดชั้นในมาตรฐานจะมีสองชิ้นสำหรับปกปิดส่วนบนและส่วนล่างของร่างกาย แต่ผู้ชายก็ไม่นิยมใส่เสื้อกล้าม ในขณะที่ผู้หญิงจำเป็นต้องใส่ทั้งกางเกงในและยกทรง
 

ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 จุดมุ่งหมายในการสวมชุดชั้นในเน้นไปในทางสุขภาพมากขึ้น ทางการแพทย์ในตอนนั้นเชื่อว่าชุดชั้นในสามารถช่วยปกป้องร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ เพราะอากาศเต็มไปด้วยเชื้อโรค คนทั่วไปต่างไม่อยากให้ร่างกายสัมผัสกับอากาศโดยตรง เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน การสวมใส่ชุดชั้นในเป็นไปเพื่อความกระชับ ปรับรูปทรงให้สวยงามสมส่วน หรือในบางครั้งก็กลายเป็นแฟชั่นที่ต้องการให้คนภายนอกเห็น

ที่มา: นิตยสาร plook ฉบับที่ 50 เดือนกุมภาพันธ์ 2558