วันเยาวชนแห่งชาติ
วันที่ ๒๐ กันยายนของทุกปี ถือเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๘ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และคุณธรรมของเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านครอบครัว สถาบันการศึกษา หรือผู้มีหน้าที่ดูแลในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม เห็นความสำคัญของเยาวชน และช่วยกันเตรียมความพร้อมให้พวกเขาได้เติบโตขึ้นไปอย่างมีคุณภาพพอที่จะฝากอนาคตของชาติบ้านเมืองไว้ได้ ขณะเดียวกันเยาวชนก็จะมีกำลังใจเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของตนให้มากขึ้น
เวลานี้เยาวชนไทยบางส่วนของเรามีความรู้ทางวิชาการถึงขั้นไปสอบแข่งขัน เอาชนะเยาวชนจากชาติต่างๆ มาแล้ว และทำได้ดีทุกปี ประเทศชาติก็มีชื่อเสียง เราคนไทยก็ชื่นชม ยินดี
แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อมูลจากงานวิจัยฯ ที่น่าเป็นห่วงเยาวชนชายของเราเป็นข่าวคราวขึ้นมาว่า เวลานี้เริ่มดื่มเครื่องดื่มมึนเมากันตั้งแต่อายุ ๑๑ ปี แถมยังยอมรับด้วยว่าเยาวชนกว่า ๘๐ % ดื่มเหล้าครั้งแรก เพราะต้องการทดลอง อยากดื่ม แล้วก็ร่วมดื่มกับเพื่อน ถ้าคิดในแง่ดี นี่อาจเป็นการเริ่มต้นโดยที่ไม่รู้ถึงพิษภัยเงียบที่แฝงอยู่ในเหล้า หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงต้องนำเรื่องราวเกี่ยวกับอันตรายที่ผู้ดื่มพึงได้รับจากการดื่มมาให้ฟัง เป็นการเตือนกันไว้ก่อน ดังนี้
ก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่า ในร่างกายของมนุษย์เรานั้น ธรรมชาติได้สร้างกลไกต่างๆ ขึ้นป้องกันสิ่งที่เป็นพิษภัยต่ออวัยวะทุกส่วนไว้อย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว เฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะภายใน ตราบใดที่มนุษย์ “กิน” และ “อยู่” อย่างถูกหลักวิธี ก็จะสุขสบาย ไม่เจ็บป่วย และอายุยืนยาว แต่เมื่อใดมนุษย์นำสิ่งที่เป็นพิษภัยฯเข้าสู่ร่างกาย ก็จะเกิดอาการเจ็บป่วย มากหรือน้อยก็มักขึ้นกับปริมาณของสารพิษนั้นๆ ยิ่งถ้ามนุษย์ขยันส่งเข้าไปเรื่อยๆ อย่างเช่น ดื่มเหล้าบ่อย หรือประจำ นอกจากจะไปมีผลต่ออวัยวะภายในถูกทำลายไปทีละน้อย กว่าจะรู้ตัวก็เจ็บป่วยมากแล้วนั้น สถานะภาพทางสังคมของคนดื่มจัดก็จะพลอยเสียหายไปด้วย ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นชัดเจนดังนี้
การทำลายที่สัมผัสได้ทันที
- ความรู้สึกร้อนซู่ เมื่อเหล้าผ่านปากสู่ลำคอ นั่นคือเยื่อบุช่องปากและหลอดอาหารอันละเอียดอ่อน เกิดอาการระคายเคืองขึ้นแล้ว
- เราจะพบบ่อยๆว่าคนเมาเหล้ากลับบ้านไม่ถูก เดินทรงตัวไม่ได้ ทำให้ต้องนอนตามถนน นั่นก็ เนื่องจากแอลกอฮอล์ไปกดศูนย์กลางของสมอง ทำให้การประสานงานเสื่อมลงเรื่อยๆ เกิดความสับสน จำความไม่ได้ เซื่องซึม ชา สลบ หรืออาจถึงตาย ส่วนเซลล์สมองที่ถูกแอลกอฮอล์ทำลายก็จะเกิดขึ้นใหม่ไม่ได้ด้วย ดังนั้นถ้ายิ่งดื่มประจำ เซลล์สมองก็จะถูกทำลายไปเรื่อยๆ ทำให้ความจำ การตัดสินใจ ความสามารถในการเรียนรู้เสื่อมลงทุกที
การทำลายระยะยาวโดยผู้ดื่มไม่รู้ตัว
- พิษจากแอลกอฮอล์ จะส่งผลให้อวัยวะภายในที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น หัวใจ, กระเพาะอาหาร, ลำไส้, ตับ, ตับอ่อน, ไต, หรือกระเพาะปัสสาวะ ทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ อันจะก่อให้เกิดโรคได้หลายโรคเช่น โรคหัวใจโต โรคตับแข็ง เส้นโลหิตในสมองแตก เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทเป็นต้น
การทำลายสถานะทางสังคม
ในทางพุทธศาสนา ศีลข้อที่ ๕ ให้ละเว้นจากเครื่องดองของเมา ถือเป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะว่าเมื่อดื่มเหล้าแล้ว ประสาทส่วนที่รับรู้ถูก-ผิดจะโดนพิษจากแอลกอฮอล์กดไว้หมด ทำให้สร้างพฤติกรรมแปลกๆ ที่ปกติแล้วไม่ทำขึ้นมาได้ เราจึงได้พบคนที่แต่งเนื้อแต่งตัวดี แต่มานอนอยู่ป้ายรถเมล์ หรือข้างถนน บางคนแก้ผ้าในที่สาธารณะ เอะอะโวยวาย ทะเลาะวิวาทกับคนอื่น ซึ่งในเวลาเช่นนั้น ถ้าคนรู้จักไปพบเห็นเข้า ก็ย่อมจะคลายความนับถือลง ทำให้สถานภาพทางสังคมเสียไป เจ้าตัวเองเมื่อรู้สติขึ้น ก็ย่อมจะอับอาย แต่นี่ยังเป็นความเสียหายที่จัดว่าน้อยกว่าพวกเมาแล้วก่ออาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมย ขับรถผิดกฏจราจรก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นโทษถึงติดคุกติดตะราง เคยมีงานดีๆ ทำ เคยมีคนนับหน้าถือตา ก็ต้องสูญเสียอนาคตดีๆ ช่วงนั้นไป เสื่อมเสียชื่อเสียงไปอีกนานมาก
ยกตัวอย่างมาให้เยาวชนที่ขณะนี้จะเริ่มดื่มเหล้า หรือดื่มไปบ้างแล้วก็ตามได้คิดทบทวนดูว่า จะเลือกทางเดินชีวิตแบบไหนดี จะดื่มต่อไปแล้วเสี่ยงกับเหตุการณ์อย่างที่กล่าวข้างต้น หรือจะไม่ดื่ม เลิกดื่มเพื่อจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง มีสมองที่แจ่มใสไว้ทำอะไรดี ๆ ให้เกิดกับชีวิตของตนในอนาคตข้างหน้า เราต้องคิดเอง และเลือกเอง
ที่มา
- สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
- www.healthnet.in.th/
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "เยาวชนไทยไปไหนดี ?" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ