วันพระราชทานรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันพระราชทานรัฐธรรมนูญ (10 ธ.ค.) เวียนมาถึง นอกจากข้าราชการการเมืองจะได้กระทำพิธีวางพวงมาลา ถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 ณ. พระบรมราชานุสาวรีย์เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแล้ว ประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจทางการเมืองก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างกันคือนอกจากจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว ก็คงมีจำนวนไม่น้อยที่จะคิดถึงประวัติศาสตร์การเมืองทั้งก่อนและหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะเป็นช่วงที่มีเหตุการณ์หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างน่าจดจำ
นับจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ปี 2475 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 73 ปี ประเทศเราได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงและประกาศใช้ รัฐธรรมนูญ-ธรรมนูญการปกครองมาแล้วหลายฉบับ เพื่อให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาวการณ์บ้านเมืองในแต่ละยุคสมัย โดยเกือบทุกฉบับได้บัญญัติให้รัฐสภาประกอบไปด้วย 2 สภาคือวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ฉบับที่ใช้ในปัจจุบันคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ก็กำหนดให้มีทั้งสองสภา เช่นเดียวกัน โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีได้ทั้งหมด 500 คน แยกเป็นสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเสีย 400 คน เป็นสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ (PARTY LIST) 100 คน และให้มีสมาชิกวุฒิสภา หรือที่เราเรียกว่า สว. ได้ 200 คน สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีอำนาจหน้าที่และสัมพันธภาพระหว่างกันมากน้อยหรือแตกต่างกันเพียงใด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และความสอดคล้องของภาวการณ์บ้านเมืองในยุคนั้น ๆ
อีกไม่กี่เดือน (19 เม.ย. 49) จะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาหรือ สว. กันใหม่เนื่องจากชุดเดิมจะหมดวาระ การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวุฒิสภา และข้อมูลผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกไว้ล่วงหน้า จึงเป็นสิ่งที่ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งหลายควรทำ เพื่อจะได้ไม่เลือกคนผิดเข้าไปทำความเสียหายแก่บ้านเมือง การเลือกสมาชิกวุฒิสภาหรือ สว. ซึ่งจะมีได้ 200 คนนี้ เขาจะใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งสามารถลงคะแนนเลือกตั้งในเขตได้ 1 คน ถ้าจังหวัดไหนมี สว. ได้มากกว่า 1 คน ก็จะใช้วิธีนับเรียงลำดับคะแนนที่ได้รับเลือกตั้งจากสูงสุดตามลำดับลงไปจนครบจำนวนที่พึงจะมีได้ของจังหวัดเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง สว. จะดำรงตำแหน่งคราวละ 6 ปี นับจากวันเลือกตั้ง ในกรณีที่มี สว. ลาออกก่อนหมดวาระ กฎหมายกำหนดให้มีการเลือกตั้งขึ้นแทนภายใน 45 วัน นับแต่ตำแหน่งนั้นว่างลง และผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาแทนนี้จะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าอายุของวุฒิสภาที่เหลืออยู่ แต่ถ้า สว. ลาออกตอนที่อายุของวุฒิสภาเหลือไม่ถึง 180 วัน ดังกรณี พล.ต.อ ประทิน สันติภพ ก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม
สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. จะเป็นผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่กลั่นกรองตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการ-เมือง องค์กรอิสระ และข้าราชการระดับสูงอีกทีหนึ่ง ดังนั้นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั้งหลายจึงควรพิจารณาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยความรอบคอบ เลือกคนที่ทำความดีอย่างต่อเนื่องและเป็นที่ประจักษ์ว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต เขาจะได้ไปทำหน้าที่ที่ควรทำเต็มกำลังความสามารถ สร้างความเจริญให้ชาติบ้านเมือง ซึ่งท้ายที่สุดผู้ที่จะได้รับประโยชน์ก็คือประชาชนนั่นเอง
เรียบเรียงจาก
- https://www.parliament.go.th/ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, วุฒิสภา
- คมชัดลึก : 14 พ.ย. 48
เกร็ดความรู้ประกอบ
- พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ปีพ.ศ. 2477 ขณะประทับ ณ.บ้านโนล แครนลี ประเทศอังกฤษ ทรงดำรงสิริราชสมบัติเป็นเวลา 9 ปี 3 เดือน 4 วัน
- ประทับอยู่ ณ. ประเทศอังกฤษ ตราบจนเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 ขณะพระชนพรรษา 48 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ได้ทรงจัดการถวายพระเพลิงพระบรมศพเป็นการส่วนพระองค์ โดยไม่มีพระราชพิธีตามโบราณขัตติย-ราชประเพณีไทย
- หลังจากเสด็จสวรรคต 8 ปี รัฐบาลชุดจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เชิญเสด็จสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ใน รัชกาลที่ 7 เสด็จนิวัติพระนคร พร้อมด้วย พระบรมอัฐิ
- ปี พ.ศ. 2522 พล.อ.อ. หะริน หงสกุล ได้ริเริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ พระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ. บริเวณรัฐสภา เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเฉลิมพระเกียรติและแสดงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้พระราชทานการปกครองระบอบประชาธิปไตยแก่ปวงชนโดยมิได้เสียเลือดเนื้อ กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบปั้น-หล่อพระบรมรูป และก่อสร้างแท่นฐาน คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ เป็นผู้รจนาคำจารึกเฉลิมพระเกียรติ และมีพิธีถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์ทุกปีในเวลาต่อมา
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษ ประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "วันพระราชทานรัฐธรรมนูญ" ผลิตโดย ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ งานบริการการผลิต ฝ่ายออกอากาศวิทยุ กรุงเทพ