วันขึ้นปีใหม่
เมื่อพูดถึงกิจกรรมในเทศกาลปีใหม่ ที่นิยมกันมาก ๆ คงไม่มีอะไรเกินการส่ง ส.ค.ส หรือบัตรอวยพร กับการให้ของขวัญ อาจจะเนื่องมาจากการส่ง ส.ค.ส. เป็นวิธีการแสดงความรักความปรารถนาดีต่อกันที่สะดวกประหยัด และสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมในทุกระดับความสัมพันธ์ ในขณะที่การให้ของขวัญจะเป็นรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง มีความพิเศษมากขึ้นตรงที่ผู้ให้ประสงค์ให้ผู้รับได้ใช้ประโยชน์กับของที่ให้ด้วยนอกเหนือจากความประทับใจ ดังนั้นการเลือกสรรของขวัญแต่ละชิ้นต้องลงทุนทางความคิดมากกว่าให้ ส.ค.ส ทำให้พอใกล้เทศกาลก็จะมีผู้ที่มีความรอบรู้ในเรื่องธรรมชาติจิตใจมนุษย์ เรื่องของมรรยาทสังคมตลอดจนมีประสบการณ์การให้ของขวัญออกมาแนะนำเคล็ดวิธีต่างๆ ให้ได้นำไปเป็นแนวคิดสำหรับจะเลือกของขวัญให้ใครสักคนหนึ่งจึงนำมาบอกต่อเผื่อจะได้ใช้ประโยชน์ดังนี้
- ก่อนอื่นต้องดูว่าของขวัญที่จะให้นี้ให้ในโอกาสอะไร? วันเกิด ได้เลื่อนตำแหน่ง หรือปีใหม่ ?
- ของที่ให้จะแสดงออกถึงความจริงใจของเรา ผู้ให้หรือไม่ ? ให้แล้วจะมีผลตามมาหรือเปล่า?
- จะให้ของตามรสนิยมของเราผู้ให้ หรือตามรสนิยมของผู้รับ ถ้าเลือกให้ตามรสนิยมผู้รับเขาก็ย่อมจะใช้ประโยชน์ได้มากกว่า
- สำหรับคนที่ชอบให้ของขวัญราคาแพง ต้องคิดให้ดี เพราะผู้รับอาจอึดอัดในการคิดหาของตอบแทนภายหลัง หรือบางคนอาจคิดเลยเถิดไปถึงความรู้สึกดูถูกดูหมิ่น
- ถ้าไม่สนิทกันมากจริง ๆ ไม่ควรให้ของขวัญที่มีนัยไม่สมควรประเภทของใช้ส่วนตัวมาก ๆ
- ของที่จะให้เหมาะกับผู้รับเพียงใด เช่น ให้ขนมหวานกับคนที่เขาอยู่ในภาวะต้องลดของหวาน ให้เหล้า-บุหรี่กับคนที่อยู่ในภาวะต้องอดเหล้า-อดบุหรี่ ให้สัตว์เลี้ยงหรือต้นไม้กับคนที่ไม่มีเวลาอยู่ดูแลบ้าน เช่นนี้นอกจากจะเป็นการให้ที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้รับแล้ว เขาอาจมีรู้สึกว่าผู้ให้ขาดความเอาใจใส่ต่อรายละเอียดในตัวเขาก็อาจเป็นได้
นอกจากแนวคิดในการเลือกของขวัญข้างต้นแล้ว ยังมีคำแนะนำในอันที่จะทำให้ของขวัญนั้นมีค่าขึ้นอีก ในสายตาของผู้รับนั่นคือ ควรห่อให้เรียบร้อย มีการ์ดเขียนอวยพรด้วยลายมือแนบติดของขวัญไปด้วย การทำเช่นนี้นอกจากจะบ่งบอกถึงความมีมรรยาทที่ดีแล้ว ยังแสดงออกถึงความตั้งใจของผู้ให้ ผู้รับก็จะเกิดความประทับใจมากขึ้น เพราะว่าคนเรานั้นบางครั้งก็ชอบของที่มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าข้าวของที่มีราคา
เรียบเรียงจาก
- นิตยสารกุลสตรี
- บทวิทยุรายการศิลปวัฒนธรรม : ธ.ค. 2545
เรื่องที่เกี่ยวเนื่อง
ที่มาของการให้ของขวัญ
- บางคนบอกว่าจีนเป็นชาติแรกที่ริเริ่มให้มีการสนุกสนานรื่นเริงในวันขึ้นปีใหม่ บางพวกก็ว่าเยอรมันโบราณ บ้างก็ว่าโรมัน แต่ตามเอ็นไซโครพีเดียฉบับเนลสันระบุว่า ชาวบาบิโลนเป็นชาติแรกที่จัดพิธีวันขึ้นปีใหม่ เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตศักราช เขามีการแลกเปลี่ยนของขวัญกันระหว่างญาติมิตร เพื่อนฝูงและเจ้านาย ในชั้นแรกของขวัญนั้นคงจะถวายเฉพาะพระเป็นเจ้าเพื่อ เป็นเครื่องสังเวยและขอให้ตนประสบความมั่งคั่งสมบูรณ์ เมื่อกาลล่วงผ่านไปจึงพัฒนาไปสู่การแลกเปลี่ยนของขวัญระหว่างเอกชนด้วยกัน อาจจะด้วยความต้องการอวยพรแก่กันให้ประสบความมั่งคั่งตลอดปีใหม่ที่ย่างเข้ามา
- โรมันโบราณมีประเพณีส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปกำนัลมูลนายของตน จึงทำให้มองได้อีกแง่หนึ่งว่า การให้ของขวัญเป็นเรื่องของการขอความคุ้มครองจากมูลนาย
ที่มา : บทความเพื่อแผ่นดินไทย เล่ม 1
บทเพลงปีใหม่
สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี….
- เพลงพรปีใหม่ นี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย เป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2495โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริทรงเป็นผู้นิพนธ์คำร้อง เมื่อทรงพระราชนิพนธ์เสร็จก็ทรงนำออกบรรเลงทางสถานีวิทยุ อส. (สมัยนั้นยังไม่มีโทรทัศน์) ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริทรงเป่าแซกโซโฟนในช่วงแรก พระองค์เองทรงเป่าในช่วงที่สองสลับกันไป และเนื่องจากคืนนั้นมีเวลาจำกัด จึงโปรดเกล้าฯพระราชทานให้แก่วงดนตรีของนิสิตจุฬาฯ ที่กำลังซ้อมดนตรีอยู่หน้าศาลาเฉลิมไทยกับวงสุนทราภรณ์ที่กำลังบรรเลงอยู่ในศาลาเฉลิมไทย บรรเลงพร้อมกันทั้งสองวง
ที่มา : รวิทัต สัมภาษณ์มรว.มาลินี จักรพันธุ์ : นิตยสารสกุลไทย
- ประมาณปี 2489 – 2490 (ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2) มหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ คือ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ มักจัดงานฉลองปริญญาบัตร เป็นงานลีลาศ ครูเอื้อหัวหน้าวงสุนทราภรณ์มีดำริว่า น่าจะมีเพลงปีใหม่ เพราะนิสิตนักศึกษามักจัดงานฉลองปริญญาและปีใหม่เป็นงานลีลาศเต้นรำ จึงเกิด “เพลงสวัสดีปีใหม่” ขึ้น นับเป็นเพลงปีใหม่เพลงแรกของวงสุนทราภรณ์คำว่า “สวัสดีปีใหม่” นี้ครูแก้วเป็นผู้นำคำว่า “สวัสดี” ของพระยาอุปกิตศิลปสาร ซึ่งตอนนั้นใช้กันแพร่หลาย มาเชื่อมกับคำว่า “ปีใหม่” ปรากฎว่านอกจากเพลงจะเป็นที่ชื่นชอบกันมากแล้วยังมีผู้ใช้วลีสวัสดีปีใหม่ไปทักทายกันในวันปีใหม่จนทุกวันนี้ สมัยนั้นวงสุนทราภรณ์มีชื่อเสียงมากในเพลงลีลาศ บรรดามหาวิทยาลัยต่างก็ต้องการให้ไปบรรเลงในงานปีใหม่ ครูเอื้อจึงแต่งเพลงปีใหม่จังหวะต่าง ๆ ออกมาอีกปีละเพลงสองเพลง ก็มี “เพลงไชโยปีใหม่” กับ “เพลงรื่นเริงเถลิงศก” ที่นิยมกันมาก
ที่มา : รวิทัต สัมภาษณ์ ครูใหญ่ นภายน : นิตยสารสกุลไทย
คติธรรม
“ชีวิตในปีเก่า ควรถือแต่เพียงเป็นตัวอย่างสำหรับแก้ไขชีวิตในปีใหม่ให้พ้นจากทุชีวิต คือชีวิตที่คลุกคลีอยู่กับความผิด ความชั่ว ส่วนจะแก้ไขชีวิตในปีเก่าซึ่งเป็นทุชีวิตให้กลับเป็นสุชีวิต คือชีวิตงดงาม มีคุณประโยชน์ทั้งตน และผู้อื่นในปีปัจจุบันนี้ย่อมไม่ได้ เพราะได้ล่วงกาลผ่านสมัยเลยไปแล้ว ทางพระศาสนาจึงสอนให้สำรวมระวังชีวิตในปัจจุบันที่กำลังถึงอยู่บัดนี้ ให้คงอยู่ในแนวทางสุจริตชีวิตดีงามเสมอ ส่วนไหนผ่านไปแล้วก็เป็นอันผ่านไปไม่ควรเก็บเอามาคำนึงถึงให้เสียเวลาของชีวิตเปล่า”
พระนิพนธ์ของ
- สมเด็จพระอริยวงศา คตญาณ (วาสนมหาเถระ)
- สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดราชบพิธ ประทานแก่ชาวไทยเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ปี 2521
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษ ประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "วันขึ้นปีใหม่" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุ กรุงเทพ