วันวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์นั้นก็เป็นวันที่ระลึกถึงผู้ที่มีความรักเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน  เพราะเป็นตำนานเรื่องราวของผู้นำคริสเตียนชื่อวาเลนตินัสที่เขามีความรักความเมตตาต่อคนยากคนจน   มักจะนำอาหารและของใช้จำเป็นไปวางที่หน้าประตูบ้านให้เสมอ   แต่เผอิญในยุคนั้นเป็นยุคที่จักรวรรดิโรมันผู้มีอำนาจไม่ยอมรับศาสนาคริสต์  ทำให้วาเลนตินัสถูกจับกุมคุมขังในข้อหาเป็นคริสเตียน  แต่สาเหตุที่ทำให้ผู้คนประทับใจกับวาเลนตินัสมากๆ น่าจะมาจากเหตุที่เกิดขึ้นกับเขาในภายหลัง  นั่นคือเมื่อเขาถูกคุมขังนั้นเขาเกิดไปมีความรักกับสาวตาพิการซึ่งเป็นลูกของผู้คุม  แล้ววาเลนตินัสได้ขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าจนสาวคนรักกลับมองเห็นได้  ทำให้ครอบครัวผู้คุมเกิดความเลื่อมใสในศาสนาคริสต์  ยิ่งทำให้จักรพรรดิ์คลอดิอุสที่ ๒ แห่งโรมกริ้วมาก  วาเลนตินัสจึงถูกโทษประหารในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ คศ. ๒๗๐  ก่อนถูกประหารเขาได้เขียนจดหมายอำลาสาวคนรักโดยลงท้ายจดหมายว่า “จากวาเลนไทน์ของเธอ”     เรื่องชีวิตรักของคนดี ๆ ที่มีอุปสรรคเช่นนี้คนทั่วไปย่อมสะเทือนใจและประทับใจมาก  จึงยึดถือวันที่วาเลนไทน์ถูกประหารเป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก  ผู้คนจะมอบดอกไม้หรือของขวัญเพื่อแสดงความรู้สึกที่ดี ๆ ต่อกัน   และนิยมกันแพร่หลายไปทั่วยุโรป   อเมริกา  และเอเซีย จนถึงปัจจุบัน

เวลานี้หนุ่มสาวทั่วโลกส่วนใหญ่ต่างรอคอยวันวาเลนไทน์ เพราะถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้สื่อแสดงความรู้สึกที่มีต่อกันได้ค่อนข้างจะเสรี  และนอกจากหนุ่มๆ สาวๆ แล้วก็น่าจะมีกลุ่มคนที่รอคอยวันนี้อย่างใจจดใจจ่อไม่แพ้กันอันน่าจะได้แก่ธุรกิจที่รองรับวันแห่งความรักนี้ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบตัดดอก ผู้ค้าดอกไม้ ผู้จำหน่ายของขวัญที่คนในวัยหนุ่มสาวชื่นชอบหรือแม้กระทั่งธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจสื่อสาร   เพราะแต่ละปีที่ผ่านมาเงินจะสะพัดมากในธุรกิจทุกประเภทที่กล่าวมานี้ในวันวาเลนไทน์   การที่มีผู้รอคอยวันวาเลนไทน์เป็นวงที่กว้างและมีความสอดคล้องกันเช่นนี้จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กระแสความตื่นตัวต่อวัฒนธรรมนี้ดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง   เคยมีการทำโพลเมื่อสามสี่ปีที่ผ่านมาในหัวข้อที่ว่าคนไทยรู้ว่าวันไหนเป็นวันมาฆบูชาและวันไหนเป็นวันวาเลนไทน์มากกว่ากัน   ผลออกมาว่ามีผู้รู้จักวันวาเลนไทน์ถึง ๙๓.๕%  ส่วนที่รู้ว่าวันไหนเป็นวันมาฆะมีเพียง ๕๔%  เท่านั้น

อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะชอบหรือไม่ชอบอะไร  เพียงแต่ขอฝากเป็นข้อคิดไว้นิดเดียวว่าการสร้างความรู้สึกดี ๆ  ไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินตราหรือของแพงเป็นปัจจัยเสมอไป  การทำสิ่งดี ๆ ให้กันบางครั้งจะมีค่าทางจิตใจได้มากกว่า โดยเฉพาะคนที่ยังหาเงินใช้เองไม่ได้ยังใช้เงินพ่อแม่ยิ่งต้องคิดให้มาก เพราะความสุขของลูกอาจก่อความทุกข์ให้พ่อแม่ได้อย่างไม่รู้ตัว

เกร็ดเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง
ถ้าคุณเห็นใครๆ เขาให้ดอกกุหลาบกันในวันวาเลนไทน์  แล้วก็อยากจะให้บ้าง  จะได้ไม่เป็นคนตกรุ่น  หรือตั้งใจจะให้ดอกกุหลาบกับใครสักคนหนึ่งอยู่แล้ว  เพื่อให้การให้นั้นบรรลุผลตามเป้าหมาย  ก็พึงทำความเข้าใจกับความหมายที่แฝงอยู่กับสีและลักษณะของดอกกุหลาบให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่สื่อความ-หมายผิด ๆ ออกไป  เพราะเพียงแค่กุหลาบแดงที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าแจ้งรักก็ยังมีความหมายปลีกย่อยอีกหลายอย่างแฝงอยู่กับลักษณะของดอกไม้นั้น  เช่นถ้าเป็นกุหลาบบานก็เท่ากับบอกให้รู้ว่ารัก   ถ้าเป็นกุหลาบตูมเป็นการแสดงถึงความรักที่ไร้เดียงสา แต่ถ้าเป็นกุหลาบฟอร์มโรยละก็อย่าได้ให้ใครเชียว ถ้ายังรักเขาอยู่  เพราะกุหลาบแดงกลีบดอกโรยหมายถึงจะบอกว่าความรักนั้นจะจบลงแล้ว  นอกจากนั้นถ้านำกุหลาบแดงมารวมกับกุหลาบขาวยังสื่อความหมายถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย
          - กุหลาบสีชมพูสื่อความหมายถึงความรักที่นุ่มนวล อ่อนหวาน การดูแลเอาใจใส่
          - กุหลาบเหลือง หมายถึงความรักแบบพี่น้องที่ห่วงใยกัน ความสุข ความร่าเริง
          - กุหลาบสีส้ม หมายถึงรักแบบมิตรภาพ ความปรารถนาดีต่อกัน
          - กุหลาบขาวเป็นตัวแทนของความมีเสน่ห์ แสดงให้เห็นความรักที่บริสุทธิ์  แต่ถ้าเป็นกุหลาบโรยละก็คนได้รับคงต้องรับปรับปรุงตัวด่วน เพราะแสดงถึงความมีเสน่ห์หมดไปอย่างรวดเร็ว
          - กุหลาบสีม่วงเป็นเครื่องหมายของการตัดพ้อ เป็นความรักที่มีแต่การรอคอย
จริงๆ แล้วนอกเหนือจากดอกกุหลาบแล้วยังมีดอกไม้อื่นๆ อีกหลายชนิดที่สื่อความหมายของความรัก และถือกันเป็นสากล  บางชนิดเป็นดอกไม้ในเมืองไทย  แต่บางชนิดก็เป็นดอกไม้เทศและคงจะหายากสักหน่อย  แต่หาไม่ได้รู้ไว้ก็คงไม่มีอะไรเสียหาย
          - ทานตะวัน  เป็นนัยแสดงความหลงใหลใฝ่ฝัน ยอมทุกอย่างแล้วแต่จะบัญชา  เพราะตำนานของดอกทานตะวันเป็นเช่นนั้น คือเรื่องราวของธิดาจ้าวสมุทรที่หลงไหลดวงตะวัน  และเฝ้ามองจนร่างกลายเป็นดอกไม้และจะหันดอกตามแสงตะวันทุกครั้งไป
          - เบญจมาศเหลือง  หมายถึงรักมาก ส่วนเบญจมาศขาวบอกถึงรักแท้  รวมความแล้วเบญจมาศเป็นตัวแทนของความรักที่หวังครองคู่กันชั่วนิรันดร์ ตามตำนานของญี่ปุ่นที่บอกว่า  คิกุ หญิงคนหนึ่งได้กรีดกลีบดอกไม้ชนิดหนึ่งจนเป็นกลีบเล็กกลีบน้อย ซึ่งก็คือ  ดอกเบญจมาศนั่นเอง เพื่อใช้บูชาเทวดาให้นางได้มีชีวิตคู่เป็นนิรันดร์มากเหมือนจำนวนกลีบดอกเบญจมาศนั่นเอง
          - บานไม่รู้โรย ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นความรักที่มั่นคงไม่มีวันจืดจาง
          - คาร์เนชั่น เป็นตัวแทนของความรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน ถ้าคาร์เนชั่นสีแดงหมายถึงความชื่นชมศรัทธา   สีขาวหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์และเป็นอมตะ
          - แกลดิโอลัส  ดอกไม้ตระกูลเดียวกับซ่อนกลิ่น  แม้ไทยเราจะไม่ชอบความหมายของซ่อนกลิ่น  แต่ในทางสากลแกลดิโอลัสหมายถึงความรักที่เข้มแข็ง ความชื่นชมในบุคลิกที่มั่นคงจริงใจ
          - ทิวลิปสีแดง  หมายถึงการบอกรักที่สุดจิตสุดใจ แต่ถ้าทิวลิปเหลืองจะแปลได้ว่าหมดหวังเสียแล้วกับความรักครั้งนี้
          - ไอริส  เป็นดอกไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความรักประเภทถ่านไฟเก่า  เพราะมันสื่อความหมายถึงว่าแม้จะเลิกรากันไปแล้วก็ยังลืมไม่ได้ อยากจะขอคืนดี  อะไรทำนองนี้

ที่มา  -  นิตยสารผาสุก,๑๐๘ ซองคำถามของสำนักพิมพ์สารคดี,จุลสาร ๓๔๙๕ News
         -  นสพ. ผู้จัดการรายวัน ๑๖ กพ. ๒๕๔๔
         -  เปิดโลกคอมพิวเตอร์ : ผศ.ฐศแก้ว ศรีสด และภาษากายของพันธุ์ทิพย์สุดา โปษยานนท์ : นิตยสารกุลสตรี

ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท.  เรื่อง "วันวาเลนไทน์"  ผลิตโดย  งานบริการการผลิต  ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ  ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ