๒๔ กุมภาพันธ์ : วันศิลปินแห่งชาติ
ยุคนี้เป็นยุคของการนำวัฒนธรรมชนชาติออกมาอวดกันนับตั้งแต่ในวงแคบๆ ระดับชุมชนไปจนกระทั่งเป็นวงกว้างระดับชาติ ถึงนานาชาติ ชาติใดมีการสืบทอดทางวัฒนธรรมยาวนานไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมการกิน การดนตรี หรือมีศิลปวัตถุสถานที่บ่งบอกความเก่าแก่ไว้อวดต่อชาวโลก นอกจากจะดูมีศักดิ์ศรีในแง่ของความเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมมายาวนานแล้ว ยังสามารถนำมาเป็นจุดขายในธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เมืองไทยเราก็มีมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ศิลปินรุ่นก่อนเก่าสร้างสรรค์ไว้มากมาย แต่เพิ่งจะมีการพิจารณายกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินผู้สร้างงานศิลปะอย่างเป็นทางการก็เมื่อปี ๒๕๒๗ โดย นายชวน หลีกภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้นได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมของชาติ จัดทำโครงการศิลปินแห่งชาติขึ้น ซึ่งได้มีการระดมความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านศิลปะทุกแขนงและทุกสาขา เพื่อกำหนดกฏเกณฑ์ กรอบกติกา ไม่ว่าจะเป็นความหมาย คำนิยาม การสรรหาไปจนถึงสวัสดิการต่าง ๆ ที่จะมอบให้แก่ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ จากนั้นได้มีการดำเนินการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติเป็นครั้งแรกและได้ประกาศยกย่องเชิดชูเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๘ ผู้ได้รับการคัดเลือกในสาขาวรรณศิลป์คือ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, สาขาดนตรีไทย คือ นายมนตรี ตราโมท, สาขานาฏศิลป์ คือท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี และสาขาทัศนศิลป์คือนายเฟื้อ หริพิทักษ์
การคัดเลือกศิลปินแห่งชาติได้กระทำต่อเนื่องกันมาโดยตลอดพร้อมกับมีการปรับโครงการศิลปินแห่งชาติให้เข้าตามแผนพัฒนาวัฒนธรรมของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติไปด้วย เราจึงมีศิลปินแห่งชาติจนถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น ๑๖๔ คน แยกเป็นสาขาวรรณศิลป์ ๒๔ คน สาขาทัศนศิลป์ ๔๒ คน และสาขาศิลปะการแสดง ๙๘ คน ในขณะที่ขอบข่ายและความหมายของสาขาศิลปะก็มีการปรับให้ตรงตามหลักสากล โดยจำแนกไว้ ๓ สาขาด้วยกัน ได้แก่
๑. สาขาทัศนศิลป์ (Visual Art) ประกอบด้วยจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย ภาพวาด การออกแบบ สื่อประสม และสถาปัตยกรรม
๒. สาขาวรรณศิลป์ (Literature) ประกอบด้วยกวีนิพนธ์ เรื่องสั้น นวนิยาย และบทละคร
๓. สาขาศิลปะการแสดง (Performing Art) ประกอบด้วยการแสดง ดนตรี และการแสดงพื้นบ้าน
และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้รับการคัดเลือกก็ได้มีการปรับจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย ได้แก่
๑. เป็นผู้มีสัญชาติไทยและยังมีชีวิตอยู่ในวันตัดสิน
๒. เป็นผู้มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญ และมีผลงานดีเด่นเป็นที่ยอมรับของวงการศิลปะแขนงนั้น
๓. เป็นผู้สร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะแขนงนั้นจนถึงปัจจุบัน
๔. เป็นผู้ผดุงและถ่ายทอดศิลปะแขนงนั้น
๕. เป็นผู้ปฏิบัติงานศิลปะแขนงนั้นอยู่ในปัจจุบัน
๖. เป็นผู้มีคุณธรรมและมีความรักในวิชาชีพของตน
๗. เป็นผู้มีผลงานที่ยังประโยชน์ต่อสังคมและมนุษยชาติ
ผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ นอกจากจะได้รับค่าครองชีพเป็นรายเดือนแล้ว ยังจะมีเกียรติประวัติสูงสุดในการได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อรับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติอันเป็นสิริมงคลยิ่งในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันศิลปินแห่งชาติ
บ้านเมืองใดมีงานศิลปะและวัฒนธรรมที่ยั่งยืนยาวนาน เป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นชนชาติที่เจริญและมั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจฉันใด การยกย่องเชิดชูผู้สร้างสรรค์งานศิลปะก็เท่ากับความยกย่องเชิดชูประเทศชาติให้มีเกียรติปรากฎด้วยฉันนั้น เมื่อใดได้พบเห็นหรือได้ยินได้ฟังผลงานศิลปะทุกแขนง พวกเราจึงควรระลึกถึงคุณค่าความเป็นปราชญ์ของศิลปินแห่งชาติของเราด้วยความภาคภูมิใจ
เกร็ดเรื่อง
- เหตุที่กำหนดให้วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ เป็นวันศิลปินแห่งชาติก็เนื่องมาจากเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.๒ แห่งบรมราชจักรีวงศ์ องค์ปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ผู้ทรงฝากฝีพระหัตถ์และฝีพระโอษฐ์ยอดเยี่ยมไว้ในงาน ศิลปะมากมายหลายแขนง
- คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติฯ ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชสมัญญา “อัครศิลปิน” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๙ ด้วยทรงเป็นเลิศในศิลปะหลายสาขาเป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป
เรียบเรียงจาก - หนังสือวันสำคัญ ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ : https://www.culture.go.th/
ข้อมูลจาก : บทความพิเศษประกอบรายการของสถานีวิทยุ อสมท. เรื่อง "๒๔ กุมภาพันธ์ : วันศิลปินแห่งชาติ" ผลิตโดย งานบริการการผลิต ส่วนสนับสนุนการผลิตวิทยุ ฝ่ายออกอากาศวิทยุกรุงเทพ