ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้
การออกเสียงคำ
การออกเสียงพยัญชนะ
เสียงพยัญชนะที่มีปัญหาในการออกเสียงแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑) พยัญชนะเดี่ยว เมื่อใช้เป็นพยัญชนะต้น จะมีบางเสียงที่มีปัญหาในการออกเสียง เช่นเสียง /ช/ เสียง /ซ/ เสียง /ร/ เสียง /ล/
๒) พยัญชนะควบกล้ำ เป็นพยัญชนะ ๒ ตัวที่ออกเสียงควบกัน โดยนำ ร ล ว มาเป็นอักษรควบ มักเกิดปัญหาเมื่อนำมาใช้เป็นพยัญชนะต้น เพราะออกเสียงเสียงพยัญชนะต้นเพียงเสียงเดียว ไม่ออกเสียงพยัญชนะควบกล้ำ
การออกเสียงสระ
๑) การออกเสียงสระเสียงยาวเป็นสระเสียงสั้นเมื่อเป็นคำที่ไม่เน้น
๒) การออกเสียงสระเสียงยาว ถึงแม้เป็นสระเสียงสั้น เมื่อเป็นคำที่ทำหน้าที่สำคัญในประโยค
การออกเสียงวรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์ของไทยทั้ง ๕ เสียง สามารถจัดเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
๑) วรรณยุกต์ระดับ จะมีระดับเสียงคงที่ตลอดพยางค์
๒) วรรณยุกต์เปลี่ยนระดับ ขณะเปล่งเสียงจากต้นพยางค์สู่ท้ายพยางค์ระดับเสียงจะมีการเปลี่ยนแปลง
การลงเสียงหนักเบา
๑) คำสองพยางค์ นอกจากคำซ้อนที่มักจะลงเสียงหนักทั้งสองพยางค์แล้ว คำชนิดอื่นมักจะลงเสียงหนักที่พยางค์หลัง ไม่ว่าจะมีส่วนประกอบของพยางค์เป็นอย่างไรก็ตาม
๒) คำสามพยางค์ สามารถลงเสียงหนักเบาได้ ๔ รูปแบบ คือ
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๓
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๒ และ ๓
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๑ และ ๓
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๓ หรือ ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๑ และ ๓ ก็ได้
๓) คำสี่พยางค์ สามารถลงเสียงหนักเบาได้ ๖ รูปแบบ คือ
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๔
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๒ และ ๔
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๑ และ ๔
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๓ และ ๔
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๑ ๒ และ ๔
– ลงเสียงหนักเฉพาะพยางค์ที่ ๑ ๓ และ ๔
ยกเว้นคำบางคำ เช่น อคติ จะลงเสียงหนักพยางค์ที่ ๑ และ คณบดี จะลงเสียงหนักพยางค์ที่ ๒
๔) คำหลายพยางค์ มักลงเสียงหนักที่พยางค์สุดท้าย
๕) คำที่ทำหน้าที่หลักของประโยค มักจะลงเสียงหนัก ได้แก่ คำนาม คำกริยา หรือคำเน้น ส่วนคำสรรพนาม และคำเชื่อม มักจะไม่ลงเสียงหนัก
๖) ลงเสียงหนักตรงคำที่ต้องการแสดงเจตนาเป็นพิเศษ การลงเสียงหนักเบาไม่มีนัยสำคัญต่อความหมายในระดับคำ แต่จะมีนัยสำคัญต่อความหมายของประโยคหรือข้อความทั้งหมด
การออกเสียงคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต
๑) การออกเสียงสระแต่ละพยางค์
(๑) คำเรียงพยางค์ในภาษาเดิม ออกเสียงพยัญชนะตัวสุดท้ายเป็นตัวสะกด
(๒) คำเรียงพยางค์ที่มีตัว ร ตามพยัญชนะต้น หรือตัว ร เป็นพยัญชนะสุดท้าย หากตัว ร ไม่มีรูปสระกำกับ พยัญชนะด้านหน้าจะออกเสียงสระออ
(๓) คำที่พยัญชนะต้นเป็น บ สามารถออกเสียงสระออ โดยไม่มีตัว ร อยู่ด้านหลังก็ได้
๒) การออกเสียงสระอะท้ายตัวสะกด
(๑) คำที่มีตัวสะกดเป็นพยัญชนะวรรค มักจะไม่ออกเสียงสระอะ เมื่อมีตัวตามตัวสะกดเป็นพยัญชนะวรรคหรือ ศ ษ ส
(๒) คำที่สะกดด้วยพยัญชนะท้ายวรรค หรือพยัญชนะนาสิก ได้แก่ ง ญ ณ น มและมี ย ร ล ว เป็นตัวตาม จะไม่ออกเสียงสระอะ
(๓) คำที่สะกดด้วยพยัญชนะวรรค และมี ย ร ล ว เป็นตัวตาม มักจะออกเสียงสระอะ ไม่เต็มมาตรา
(๔) คำที่มี ย ร ล ว ศ ษ ส เป็นตัวสะกดและมีพยัญชนะตัวอื่นเป็นตัวตาม มักจะออกเสียงสระอะ ไม่เต็มมาตรา
(๕) คำที่มีตัวสะกดและตัวตามตัวสะกดเป็นพยัญชนะเศษวรรค และเป็นอักษรซ้ำไม่ออกเสียงสระอะ
๓) การออกเสียงพยางค์ท้ายคำ
(๑) คำเดิมเป็นคำเรียงพยางค์ตั้งแต่สองพยางค์ขึ้นไป พยางค์ท้ายประสมด้วยสระอิหรือสระอุ เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย เสียงพยัญชนะต้นของพยางค์ท้ายจะกลายมาเป็นเสียงตัวสะกดของพยางค์หน้า และไม่ออกเสียงสระที่กำกับอยู่
(๒) คำเดิมไม่ใช่คำพยางค์เรียง ที่พยางค์ต้นมี ฏ ฑ ต เป็นตัวสะกด ส่วนพยางค์หลังประสมด้วยสระอิ เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย เสียงพยัญชนะต้นของพยางค์ท้ายจะกลายมาเป็นเสียงตัวสะกดของพยางค์หน้า และออกเสียงสระอิที่กำกับอยู่
๔) การออกเสียงคำสมาส โดยเป็นคำภาษาบาลีและสันสกฤตตั้งแต่สองคำขึ้นไปที่นำมารวมกัน แล้วเกิดเป็นคำใหม่ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับคำเดิม มีหลักการออกเสียงดังนี้
(๑) คำสมาสส่วนมากออกเสียงสระที่พยางค์ท้ายของคำหน้าเพื่อให้ต่อเนื่องกับคำหลัง หากว่าไม่มีรูปสระให้ออกเสียงสระอะ
(๒) คำสมาสบางคำไม่ออกเสียงสระที่พยางค์ท้ายของคำหน้า
(๓) คำสมาสบางคำออกเสียงพยางค์ท้ายของคำหน้าแบบเรียงพยางค์หรือเป็นตัวสะกดก็ได้
(๔) คำสมาสบางคำออกเสียงพยางค์ท้ายของคำหน้าแบบเรียงพยางค์ บางคำออกเสียงแบบเป็นตัวสะกด เช่นโลกวิทู ออกเสียง โล-กะ-วิ-ทู โลกธรรม ออกเสียง โลก-กะ-ทำ
(๕) คำสมาสบางคำออกเสียงสระที่พยางค์ท้ายของคำหน้าหรือไม่ออกก็ได้
(๖) คำบางคำไม่ใช่คำสมาส แต่ออกเสียงสระที่พยางค์ท้ายของคำหน้าอย่างคำสมาส
๕) การออกเสียงคำอย่างอักษรนำ
(๑) คำบาลีสันสกฤตเดิมเป็นคำเรียงพยางค์ เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย บางครั้งออกเสียงอย่างอักษรนำ บางครั้งไม่ออกเสียงอย่างอักษรนำ
(๒) คำบาลีสันสกฤตเดิมเป็นคำเรียงพยางค์ เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทยก็ออกเสียงอย่างอักษรนำ
(๓) คำบาลีสันสกฤตซึ่งไม่มีรูปคำหรืออักษรนำ แต่เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทยก็ออกเสียงอย่างอักษรนำ
(๔) คำบาลีสันสกฤตบางคำนำมาใช้ในภาษาไทยออกเสียงเรียงพยางค์แต่มักออกเสียงผิดเป็นอักษรนำ
การออกเสียงคำแผลง
เมื่อแผลงคำแล้วจะเกิดเป็นพยางค์ใหม่ หากคำเดิมเป็นอักษรควบหรืออักษรนำพยางค์หลังของคำใหม่ที่ได้จะออกเสียงวรรณยุกต์ตามคำเดิม
ถ้าคำเดิมไม่ใช่อักษรควบหรืออักษรนำ เมื่อแผลงแล้วพยางค์หลังของคำใหม่จะไม่ออกเสียงวรรณยุกต์ตามคำเดิม
การสะกดคำ
การใช้พยัญชนะ
๑) การแบ่งพยัญชนะ แบ่งตามรูปพยัญชนะได้ ๓ พวก คือ
(๑) พยัญชนะกลาง ใช้ได้กับคำที่มาจากทุกภาษา มี ๒๑ รูป คือ
ก ข ค ง จ ฉ ช ต ถ ท น ป ผ พ ม ย ร ล ว ส ห
(๒) พยัญชนะเดิม ใช้ได้กับคำไทยแท้บางคำ และคำภาษาบาลีสันสกฤต มี ๑๓ รูป คือ
ฆ ฌ ญ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฬ
(๓) พยัญชนะเติม ส่วนมากใช้กับคำไทยแท้ สามารถใช้กับคำภาษาบาลีสันสกฤตบางคำ และใช้ได้กับคำภาษาอื่น ๆ มี ๑๐ รูป คือ
ฃ ฅ ซ ฎ ด บ ฝ ฟ อ ฮ
๒) ประโยชน์จากการแบ่งพยัญชนะ สามารถนำมาใช้ในการสะกดคำได้
คำที่ประวิสรรชนีย์และไม่ประวิสรรชนีย์
คำที่ประวิสรรชนีย์ คือ คำที่มีรูปสระอะวางอยู่หลังพยัญชนะ แต่บางคำไม่มีรูปสระอะ แต่ออกเสียงเหมือนมีสระอะ เรียกว่า คำที่ไม่ประวิสรรชนีย์
การใช้
๑) การใช้
(๑) คำไทยแท้
(๒) คำที่แผลงมาจากภาษาอื่น
(๓) คำภาษาเขมรที่ทำคำกริยาให้เป็นคำนาม หรือทำคำกริยาให้มีความหมายในเชิง “ทำให้” เรียกว่าการลงอาคม
(๔) คำภาษาอื่น ๆ
๒) การใช้
(๑) คำภาษาบาลีสันสกฤตที่มีพยัญชนะตามตัวสะกดเป็นพยัญชนะวรรค ปะ (ได้แก่ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม)
(๒) คำภาษาบาลีสันสกฤตที่เกิดจากการสนธิคำนฤคหิตกับพยัญชนะวรรค ปะ โดยมี ม เป็นนาสิกยะ
(๓) คำภาษาอังกฤษบางคำ
๓) การใช้ -กรรม
ใช้เฉพาะกับคำภาษาสันสกฤตที่ประสมอยู่กับ “รฺม”
๔) การใช้ ไ-
(๑) คำไทยแท้ทุกคำ
(๒) คำภาษาเขมร
(๓) คำภาษาสันสกฤต
(๔) คำภาษาบาลีสันสกฤตที่แผลงมาจากรูปสระอิ สระอี สระเอ
(๕) คำที่มาจากภาษาอื่น ๆ ทั้งหมด
๕) การใช้ ใ-
ใช้กับคำไทยแท้ ๒๐ คำเท่านั้น ได้แก่ ใกล้ ใคร ใคร่ ใจ ใช่ ใช้ ใด ใต้ ใน ใบ ใบ้ ใฝ่ ใย สะใภ้ ใส ใส่ ให้ ใหญ่ ใหม่ หลงใหล
๖) การใช้
ใช้กับคำบาลีสันสกฤตที่ท้ายคำเดิมมี ย อ่านออกเสียงแบบเรียงพยางค์ เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย ย จึงกลายมาเป็นตัวสะกด
การใช้เครื่องหมายทัณฑฆาต
ใช้กำกับพยัญชนะที่ไม่ต้องการให้ออกเสียง มีหลักการใช้ดังนี้
๑) ใช้กับคำภาษาบาลีสันสกฤต และคำภาษาอังกฤษ
๒) ตัวการันต์อาจเป็นพยัญชนะตัวเดียว หรืออาจมีพยัญชนะมากกว่าหนึ่งตัว
๓) ตัวการันต์บางตัวสามารถวางไว้กลางคำได้
๔) ตัวการันต์อาจมีรูปสระกำกับอยู่
๕) คำที่พยัญชนะสะกดมี ร เป็นพยัญชนะตาม จะไม่ใส่เครื่องหมายทัณฑฆาต
๖) คำที่พยัญชนะสะกดเป็นคำควบ ร สามารถใส่เครื่องหมายทัณฑฆาตได้
คำพ้องเสียง
คำพ้องเสียง คือ คำที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่มีความหมายไม่เหมือนกัน บางคำสะกดเหมือนกัน บางคำสะกดไม่เหมือนกัน
คำยืมและคำทับศัพท์
เรานิยมยืมคำมาจากภาษาอื่น เพื่อทำให้ภาษาไทยมีคำใช้มากขึ้น โดยเราอาจนำคำที่ยืมมาเปลี่ยนรูป เปลี่ยนเสียง เปลี่ยนความหมาย หรือแปลเอาเฉพาะความหมาย แล้วจึงนำมาใช้ร่วมกับคำไทยที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้คำที่เรายืมมาแล้วไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย จะเรียกว่า คำทับศัพท์
คำสำคัญ การออกเสียงคำ การสะกดคำ คำพ้องเสียง คำยืม คำทับศัพท์
แหล่งที่มา : สำนักพิมพ์ วัฒนาพานิช www.wpp.co.th