อย่างไรที่เรียกว่าเด็กติดเกม
การพูดว่า เด็กติดเกม ของคนในสังคมทั่วไปกับ เด็กติดเกม ทางการแพทย์ไม่เท่ากัน พ่อแม่ผู้ปกครองเห็นลูกหลานตัวเองเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรืออยู่หน้าโทรทัศน์นานสักหน่อยก็เรียกว่า ติดเกม แล้วแต่เป็นการติดทางใจ
ทางการแพทย์พูดถึงการติดคือการติดที่มีอาการทางกายเพราะว่าร่างกายพึ่งพาสารบางอย่างจากภายนอกเช่นสารเสพติด (ยาบ้าเฮโรอีน) หรือสารที่หลั่งภายในร่างกายเราเองแต่เกิดจากการกระตุ้นจากภายนอกเช่นการเล่นการพนันการเล่นเกมเป็นต้น หากมองเรื่องการติดเกมอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับคือ
ระดับที่ 1 ชอบ
ชอบ... ไม่ใช่ติด
ทุกคนมีความชอบได้แต่ต้องไม่เสียการควบคุมตนเองบางคนชอบร้องเพลงบางคนชอบอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชนขณะที่บางคนชอบเล่นกีฬาความชอบเหล่านั้นทำให้เจ้าตัวมีความสุขแต่ทำกิจกรรมอื่นๆได้อีกซึ่งมีหลายทางเลือก
ระดับที่ 2 คลั่งไคล้
หมกมุ่น... คลั่งไคล้เริ่มไม่ทำกิจกรรมอื่น
คนที่คลั่งไคล้จะเริ่มคุมตัวเองไม่ได้เช่นวันนี้ตั้งใจจะไม่เล่นเกมพยายามบอกตัวเองว่างดเล่น 1 วันแต่อดใจไม่ได้คุมตัวเองไม่ได้สุดท้ายก็เล่นเหมือนเดิมการคลั่งไคล้ยังไม่ถึงขั้นติดแต่เสียการควบคุมตนเอง
ระดับที่ 3 การติด
ติดหรือไม่... เส้นแบ่งอยู่ที่การเสียการทำหน้าที่
ทุกคนมี หน้าที่ ของตัวเองเด็กมีหน้าที่หลักคือการเรียนหนังสืออ่านหนังสือและใช้เงินทองให้เหมาะสมพฤติกรรมของเด็กที่เสียการทำหน้าที่เช่นไม่อ่านหนังสือโดดเรียนใช้เงินหมดไปกับการเล่นเกมโกหกซึ่งเป็นผลพวงจากการเล่นเกม อาการหรือพฤติกรรมเหล่านี้ขึ้นกับความรุนแรงดังนั้นจึงวัดกันที่เสียการทำหน้าที่
อาการเด็กติดเกม
อาการของเด็กติดเกมโดยทั่วไปสังเกตได้จากเริ่มเสียการทำหน้าที่รวมถึงทำกิจกรรมอย่างอื่นน้อยลง เช่น
-เคยดูโทรทัศน์เริ่มไม่ดูไม่สนใจโทรทัศน์
-เล่นกีฬาฟุตบอลเล่นน้อยลงหรือเลิกไปเลย
-เล่นเกมจนลืมเวลาไม่กินข้าวไม่นอนรุ่งขึ้นเช้าไปโรงเรียนไม่ไหว
-ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเกมจนกระทั่งหนีเรียนเพื่อไปเล่นเกมอย่างเดียว
-ไม่รับผิดชอบงานบ้านที่ตนเองมีหน้าที่จะต้องทำ
-อารมณ์และจิตใจเปลี่ยนไปจนถึงขั้นพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองไม่รู้เรื่อง
อาการการติดเกมเป็นโรคหรือไม่
การติดเกมเต็มรูปแบบถือว่าเป็นโรค (ซึ่งเหมือนกับการติดสารเสพติดทั้งหลายเช่นบุหรี่สุรายาบ้ากัญชาเฮโรอีน)
เปรียบคล้ายกับคนติดสารเสพติดพยายามแสวงหามาเสพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเด็กติดเกมก็พยายามแสวงหาการเล่นเกมและต้องเล่นยาวนานมากขึ้นถ้าไม่ได้เล่นก็จะหงุดหงิดและลงเอยที่การเสียการทำหน้าที่โรคติดเกมเป็นโรคที่ต้องปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ป้องกันไม่ให้เด็กติดเกม
การป้องกันเด็กติดเกมที่ดีที่สุดคือวินัยและความรับผิดชอบ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องสอนเด็กให้มีวินัยและความรับผิดชอบตั้งแต่เล็ก วินัยคือข้อห้ามข้อปฏิบัติของเด็ก เด็กจะทำอะไรต้องมีขอบเขตเป็นต้นว่าดูโทรทัศน์วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมงเล่นของเล่นแล้วต้องเก็บเข้าที่ห้ามเล่นของเล่นก่อนทำการบ้าน
ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ปกครอง
-
- หากระดับการเล่นเกมของลูกท่านยังอยู่ในเกณฑ์ปกติท่านควรมีมาตรการป้องกันไม่ให้ลูกของท่านติดเกม โดยการสร้างสัมพันธภาพที่ดีและให้เวลาที่มีคุณภาพกับลูก ฝึกวินัย สอนให้เด็กรู้จักแบ่งเวลาและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ กำหนดกติกาและจำกัดเวลาในการเล่นเกม ส่งเสริมให้เด็กมีงานอดิเรกที่เด็กชอบทำนอกเหนือจากการเล่นเกม
-
- หากระดับการเล่นเกมของลูกท่านอยู่ในระดับคลั่งใคล้หรือเริ่มมีปัญหา ท่านควรพูดคุยกับลูกถึงพฤติกรรมที่เป็นปัญหาในการเล่นเกมของลูกอย่างจริงจัง มีการกำหนดกติกาและจำกัดเวลาในการเล่นเกมอย่างเข้มงวด ใส่ใจและให้เวลาที่มีคุณภาพกับลูก ส่งเสริมให้เด็กมีงานอดิเรก หรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายอื่นๆนอกเหนือจากการเล่นเกม
-
- หากระดับการเล่นเกมของลูกท่านอยู่ในระดับน่าจะติดเกมหรือมีปัญหามาก และท่านได้พยายามปรับลดเวลาการเล่นเกมของลูกท่านแล้วตามคำแนะนำในข้อ 2 แต่ยังไม่ได้ผล ท่านควรรีบปรึกษาจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นเพื่อรับการช่วยเหลือโดยรีบด่วน