โลกและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 54.9K views



โลกและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

โลกและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

     1.  การหมุนและการเคลื่อนที่ของโลก
          โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะ  มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 1 ดวง  โลกและดวงจันทร์เป็นบริวารของดวงอาทิตย์  โลกจะหมุนรอบตัวเอง  และเคลื่อนที่หรือโคจรรอบดวงอาทิตย์
          1.  การหมุนรอบตัวเองของโลก  ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ  โลกจะเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ไปด้วย  ทำให้โลกซีกหนึ่งที่ได้รับแสงอาทิตย์เกิดเวลากลางวัน  ซึ่งกินเวลา 12 ชั่วโมง  ส่วนโลกอีกซีกหนึ่งที่ไม่ได้รับแสงอาทิตย์จะมืดเกิดเวลากลางคืน  ซึ่งกินเวลา 12 ชั่วโมง
               ดังนั้นการหมุนรอบตัวเองของโลก 1 รอบ  กินเวลา 24 ชั่วโมง  หรือ 1 วัน  ทำให้เกิดกลางวันและกลางคืน
          2.  การโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลก  โลกจะเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ตลอดเวลาขณะเดียวกันโลกก็หมุนรอบตัวเอง  โดยหมุนจากตะวันออกไปตะวันตก  โดยที่แกนของโลกเอียงทำมุม 23 1/2  องศาตลอดเวลา  การโคจรรอบดวงอาทิตย์ของโลกทำให้บริเวณต่าง ๆ ได้รับแสงสว่างและความร้อนไม่เท่ากัน  ทำให้เกิดฤดูกาลสับกันไปในเวลา 1 ปี  หรือ 365 วัน  เมื่อรอบโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบ

     2.  ตะวันอ้อมข้าว
          ตะวันอ้อมข้าว  เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติโดยลักษณะที่ดวงอาทิตย์จะปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้  โคจรอ้อมลงสู่ขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในฤดูหนาว  ซึ่งเป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าว

     3.  น้ำขึ้น - น้ำลง
          ในแต่ละวันจะสังเกตเห็นว่า  ระดับน้ำทะเลมีปรากฏน้ำขึ้น - น้ำลง  ซึ่งมีสาเหตุจากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกและรอบดวงอาทิตย์  และเนื่องจากดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุด  แรงดึงดูดของดวงจันทร์จึงมีอิทธิพลต่อโลก  ทำให้เกิดปรากฏการร์น้ำขึ้น - น้ำลง  เมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกับโลกและดวงอาทิตย์  ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 14 - 15 ค่ำของทุกเดือน  บริเวณ ข และ ง  บนโลกจะโป่งออก  ทำให้บริเวณนี้น้ำทะเลขึ้น  ส่วนบริเวณ ก และ ค บนโลก  พื้นน้ำจะลดระดับลง
          ถ้าดวงจันทร์โคจรไปอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับดวงอาทิตย์  ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 7 - 8 ค่ำ  และวันแรม 7 - 8 ค่ำของทุกเดือน  จะทำให้บริเวณ ก และ ค บนโลกพื้นน้ำโป่งออก  ทำให้บริเวณที่น้ำขึ้น  ส่วนบริเวณ ข และ ง บนโลกเกิดน้ำลง  ในแต่ละวันเราจะเห็นน้ำทะเลขึ้นและลง 2 เวลา

     4.  ข้างขึ้น - ข้างแรม
          เป็นปรากฏการณ์ที่คนบนโลกมองเห็นดวงจันทร์มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละคืน  ซึ่งเกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกและโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์จะหันด้านเดียวเข้าหาดวงอาทิตย์  และสะท้อนแสงอาทิตย์  และสะท้อนแสงอาทิตย์มายังโลก  ทำให้คนบนโลกมองเห็นแสงสะท้อนจากดวงจันทร์ในแต่ละเวลาไม่เหมือนกัน  และเกิดเป็นปรากฏการณ์ข้างขึ้นและข้างแรม

     5.  สุริยุปราคา - จันทรุปราคา
          1.  สุริยุปราคา  เป็นปรากาฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากโลก  ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน  โดยดวงจันทร์ทอดมาบังโลก  คนบนโลกที่อยู่บริเวณเงาดวงจันทร์จะมองเห็นดวงอาทิตย์มืดไปชั่วขณะ
          2.  จันทรุปราคา  เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากโลก  ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน  โดยมีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์  เงาของโลกจะทอดไปบังดวงจันทร์  ทำให้คนบนโลกที่อยู่ด้านเดียวกับดวงจันทร์จะมองเห็นดวงจันทร์มืดไปชั่วขณะ

ควรรู้ - ควรจำ
     สึนามิ (Tsunami)  เป็นธรณีพิบัติอย่างหนึ่ง  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลมาจากการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในท้องทะเลหรือมหาสมุทร  ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่งอย่างรวดเร็ว  สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่ออาคารบ้านเรือน  ทรัพย์สิน  และชีวิตผู้คน
     สำหรับคลื่นสึนามิที่ถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ของไทย  นอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากแล้ว  ยังส่งผลให้สภาพแวดล้อมต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป  เช่น  ชายหาดเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวปะการังได้รับความเสียหาย  เป็นต้น

      6.  ปรากฏการณ์โลกร้อน
          ปรากฏการณ์โลกร้อนหรือภาวะโลกร้อน  คือ  ปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกและผืนมหาสมุทรสูงขึ้น  โดยมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ เป็นตัวการกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศ
          ปรากฏการณ์โลกร้อนถือเป็นผลพวงจากการมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดขึ้นในบรรยากาศ  ซึ่งเป็นสาเหตุให้รังสีความร้อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาถูกกักไว้ในโลก  โดยไม่สามารถสะท้อนกลับออกไปได้  หรือที่เรียกว่า  ภาวะเรือนกระจำ  การเกิดขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากกระบวนการเผาไหม้ของการใช้เชื้อเพลิง  ฟอสซิล  อาทิ  น้ำมันปิโตรเลียม  ถ่านหิน  เป็นต้น  ทั้งจากกิจกรรมการขนส่งและการผลิตกระแสไฟฟ้า  แนวทางหนึ่งของการลดปริมาณการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  คือ  ลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล  โดยส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น  อาทิ  พลังงานชีวมวล  พลังงานน้ำ  พลังลม  พลังงานแสงอาทิตย์  พลังงานจากเซลล์  เชื้อเพลิง  พลังงานนิวเคลียร์  เป็นต้น  อย่างไรก็ตามการส่งเสริมใช้พลังงานหมุนเวียนจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีมารองรับ  ซึ่งปัจจุบันการใช้พลังงานหมุนเวียนบางประเภทยังมีต้นทุนที่แพงกว่าพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล  (เช่น  พลังงานแสงอาทิตย์  พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง)  มีกระแสต่อต้านจากมวลชนเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม  (เช่น  พลังงานนิวเคลียร์  พลังงานน้ำจากการสร้างเขื่อน)  และปัญหาความเพียงพอของวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิง  (เช่น  พลังงานชีวมวล  ซึ่งใช้วัตถุดิบร่วมกับภาคเกษตร)
          มหันตภัยร้ายที่กำลังคุกคามโลกอยู่ขณะนี้  คือ  ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ มีปริมาณมหาศาลที่มนุษย์เป็นผู้ก่อ  ถูกปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกหนาขึ้นเท่าไร  ก็จะเป็นตัวการกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศ  ก็จะส่งผลให้อุณหภูมิของบรรยากาศโลกสูงขึ้นถึงระดับอันตราย  ผืนน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือและธารน้ำแข็งบนภูเขาทั้งหมดทั่วโลกค่อย ๆ ละลายลงเรื่อย ๆ และอาจจะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
               1.  สาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อน
                    สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อนเกิดจากการกระทำของมนุษย์และทางธรรมชาติ  เช่น  การใช้พลังงานต่าง ๆ ของมนุษย์ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ  และเกิดภัยธรรมชาติ  เช่น  ไฟไหม้ป่า  ภูเขาไฟระเบิด  เป็นต้น
               2.  ผลกระทบที่เกิดขึ้น
                    1)  ต่อสภาพภูมิอากาศ
                         -  ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น
                         -  ทำให้ความชื้นในอากาศเพิ่มมากขึ้นเนื่องด้วยการระเหยของน้ำที่มากขึ้น
                         -  ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของอุณหภูมิ
                    2)  ต่อทะเลและมหาสมุทร
                         -  ทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งตามทั่วโลกละลาย
                         -  ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น
                         -  ทำให้อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้น
                         -  ทำให้การเปลี่ยนสภาวะของน้ำเป็นกรด
                         -  ทำให้เกิดการหยุดไหลของกระแสน้ำอุ่น
               3.  การแก้ปัญหา
                    ใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ  ไม่กินพลังงานไฟฟ้า  ใช้หลอดไฟที่ช่วยประหยัดพลังงานได้  ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า  ควบคุมการเกิดของประชากราที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทำให้ต้องใช้พลังงานมากขึ้น  แยกขยะ  นำของเก่ามาใช้ใหม่ได้  ใช้รถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน

 ที่มา: https://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/1927-00/