Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

จะทำอย่างไรเมื่อหนังไทยติดโควิด !!! ตัวแทนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสุมหัวรวมตัวกันเสวนาถึงทางรอด

Posted By Plook Entertain | 21 ก.ค. 63
1,701 Views

  Favorite

วิกฤตโควิด-19 ทำให้ธุรกิจหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงอุตสาหหรรมภาพยนตร์ไทยด้วย ตัวแทนวงการภาพยนตร์ไทยจึงได้รวมตัวกันจัดเสวนาถึงทางรอดในวิกฤติครั้งนี้ 

โดย คุณวิชา พูลวรลักษณ์ ตัวแทนจาก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, คุณยงยุทธ ทองกองทุน ตัวแทนจาก GDH, คุณสง่า ฉัตรชัยรุ่งเรือง ตัวแทนจาก ทรานส์ฟอร์เมชั่นฟิล์ม, คุณเกียรติกมล เอี่ยมพึ่งพร ตัวแทนจาก ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น, คุณพิทยา สิทธิอำนวย ตัวแทนจาก สหมงคลฟิล์ม และ ส.ส.ฟากรัฐบาลที่ นำโดย มาดามเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาษี และกลุ่ม ส.ส. ดาวฤกษ์ ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์, ภาดาท์ วรกานนท์ ร่วมรับฟังความคิดเห็น ที่โรงภาพยนตร์เมจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน เมื่อวันก่อน 
 

 

เริ่มพูดคุยถึงภาพรวมของอุตสาหารรมภาพยนตร์ไทย โดย คุณวิชา พูลวรลักษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็ก กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โดยรวมมาถึงแม้จะจำนวนโรงภาพยนต์จะมีไม่มากเท่าเกาหลีใต้ แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากดิจิตอลเท่าใดนัก และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องทุกปี 
 

แต่ภาพยนตร์ไทยมีสถิติที่น่ากังวลเพราะเหลือสัดส่วนการตลาดต่ำกว่า 30% มาตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ต่างประเทศ และเมื่อต้นปีเมื่อเจอกับวิกฤติโควิด 19 ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี เมื่อหนังฮอลลีวู้ดยังเข้าสู่ตลาดโลกได้ยากขึ้นด้วยหลายปัจจัย ทำให้โรงหนังในปัจจุบันทั่วโลกต่างก็พึ่งหนังภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้วันนี้เราจึงมาพูดคุยกันถึงยุทธศาตร์หนังไทยในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร”
 


คุณยงยุทธ ทองกองทุน ตัวแทนจาก GDH พูดถึง การนำพาภาพยตร์ไทยไปสู่ตลาดโลก “ถ้าไม่มีวิกฤติ โควิด 19 หนังไทยเองก็ปักหมุดกับตลาดโลกมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลังหนังไทยเกือบทุกเรื่องไปฉายในตลาดอาเซียน, จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน อย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เมื่อมีปัญหา โควิด ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด โรงภาพยนตร์ที่ถูกปิด การวางแพลนฉายยังทำไม่ได้ ทำให้เสียโอกาสไป”
 

คุณพิทยา สิทธิอำนวย ตัวแทนจาก บริษัท สหมงคลฟิล์ม กล่าวว่า “หนังไทยมีโอกาสเข้าตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น แต่ความไม่แน่นอนทำให้ทุกคนมีความระมัดระวัง ในอาเซียน หนังไทยเป็นประเทศเดียวที่มีศักยภาพสามารถขายไปได้ทุกประเทศ เราเคยมีตลาดในอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป แต่ปัจจุบันตลาดเปลี่ยนไปสตูดิโอต่าง ๆ ในฮอลลีวู้ดก็ผลิตหนังสเกลใหญ่มากขึ้น ทำให้ความน่าสนใจในแง่ทุนสร้างของหนังที่เล็กกว่าอย่างหนังไทยก็ลดน้อยลง แต่ทุกคนก็ยังผลิตและสู้กันต่อไป”
 

ส่วนคุณเกียรติกมล เอี่ยมพึ่งพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด พูดถึงเงินทุนทร้างหนังว่า “ขนาดของตลาดในบ้านเราก็มีส่วนสำคัญกับทุนสร้างหนังในปัจจุบัน คิดว่า คอนเทนต์ไทยสามารถไปไกลทั่วโลกได้ เพราะเราก็เคยทำแล้วกับ องก์บาก  แต่เงินทุนที่จะสามารถผลิตสเกลให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเดินทางไปสู่ตลาดโลกได้  อันนี้เราอาจจะต้องมองหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม” 
 

 

ในด้านความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน ในวงเสวนาได้มีการพูดคุยกันดังนี้
 

คุณวิชา พูลวรลักษ์ ได้กล่าวว่า “ลำพังภาคเอกชนถ้าเราทำหนังกันเองก็จะโตได้ในระดับหนึ่งนะครับ ในอดีตภาครัฐก็เคยเข้ามาช่วยหนังไทยนะครับ ให้เงินสนับสนุนหนังไทย แล้วก็ร่วมสร้างก็หลายเรื่อง เช่น สุริโยทัย และภาครัฐช่วยเอาหนังไทยไปยังต่างประเทศด้วย ยุคหนึ่งหนังไทยก็มีความแข็งแรงแล้วก็เติบโต ในช่วงที่เรียกว่าเป็นช่วงรุ่งของหนังไทยและโรงหนัง ผมคิดว่าในเมืองไทยเนี่ยคุณภาพเราไม่แพ้ใครในโลกอยู่แล้ว เพราะหลาย ๆ ประเทศก็มองว่าเราคืออันดับ 1 
 

ผู้กำกับฯเราก็เก่ง ดาราเราก็หน้าตาดี อยากให้ภาครัฐลองมองว่าดูว่า อุตสาหกรรมหนังไทย ที่ภาษาทางธุรกิจที่เรียกว่าเป็น soft power จะใช้อุตสาหกรรมเราทำอย่างไรให้นำเงินเข้าประเทศได้ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างวัฒนธรรมให้กับคนในประเทศด้วย อยากให้ภาครัฐหันกลับมามองว่าหนังไทยจะเป็น soft power ของประเทศได้ไหม ถ้าภาครัฐเข้ามาหนุนก็สามารถนำเงินเข้าประเทศได้ไม่น้อย 
 


คุณวทันยา วงษ์โอภาษี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าว่า “ในฐานะ ส.ส. ก็จะแก้ไขความเดือดร้อนให้กับประชาชนอยู่แล้ว และเห็นได้ว่าวิกฤตโควิด ติดไปในทุกภาคส่วนธุรกิจ แต่ในทุก ๆ วิกฤติจะมีโอกาสอยู่เสมอ เราเจอปัญหาเยอะมากเลย แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นโอกาสจากเรื่องของอุตสาหกรรมหรือ soft power ตรงนี้ที่รัฐควรจะหันมาส่งเสริม เป็นโอกาสการฟื้นฟูเศรษฐกิจมันมีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้น
 

 เช่นทางเกาหลีก็ใช้ soft power ในการส่งออกวัฒนธรรมเกาหลี ทำให้เกิดรายได้ต่าง ๆ โอกาสต่าง ๆ กลับเข้าสู่ประเทศเกาหลีมากมายที่เห็นได้ชัดเช่น การท่องเที่ยว, วัฒนธรรมอาหารความสวยความงาม, การแต่งหน้าแต่งหน้าเทรนด์เกาหลี เป็นต้น ฉะนั้นวันนี้เรามาคุยกันมันไม่ใช่เป็นแค่อุตสาหกรรมในอุตสาหกรรมหนึ่ง แต่จริง ๆแล้วมันเป็นการผลักดันทำให้คนไทยเข้มแข็งอย่างไร การผลักดันทำให้เราขึ้นไปยืนเท่าเทียมกับเวทีต่างประเทศได้ เราเชื่อว่าคนไทยก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกแล้วเราจะช่วยกันกอบกู้วิกฤตในครั้งนี้ได้ยังไง”
 

 

หลังจากเสวนาเสร็จสิ้นทั้งหมดก็ถ่ายภาพร่วมกัน และตัวแทน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่นำโดย คุณวทันยา วงษ์โอภาษี รับปากจะรวบรวมข้อมูลและนำเสนอรัฐบาล ผลักดันในเกิดกองทุนภาพยนตร์แห่งชาติต่อไป 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Entertain
  • 10 Followers
  • Follow