Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ศึกษาประวัติศาสตร์ ผ่านม่านแสงสี ที่พิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์

Posted By sevenman | 16 มิ.ย. 63
3,373 Views

  Favorite

พูดถึงพัฒน์พงศ์ คงมีคนไทยไม่มากนัก ที่มีโอกาสย่างกรายเข้าไป บนถนนที่ขึ้นชื่อระดับโลกว่า “Red Light District” วันนี้มาเยี่ยมชมพัฒน์พงศ์ ในเวลาบ่าย 3 โมงตรง ซึ่งถ้าไม่มีวิกฤติโควิด เราคงไม่ได้มีโอกาสเห็นมุมอันเงียบเหงาของถนนที่ไม่เคยหลับไหล 

 

 


ถนนพัฒน์พงศ์เป็นถนนสั้น ๆ ที่เชื่อมเอาถนนสีลมและสุรวงศ์เข้าด้วยกัน พื้นที่ประมาณ 17 ไร่ ที่นับเป็นทำเลทองของกรุงเทพ ถูกตัดถนนผ่าน และแบ่งเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆอย่างสับสน แต่เปี่ยมไปด้วยความเสน่ห์ของความแออัด ที่เนืองแน่นไปด้วยกลิ่นอายของวิถีชีวิตอันหลากหลาย ผนังสีชมพูทอดนำเราขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ พระเอกที่จะเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานของถนนแห่งมนต์เสน่ห์ให้เราฟังวันนี้ 
 

 

 

พิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์พาเราย้อนประวัติศาสตร์ไปยังยุค 1950 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของการเดินทางอันยาวนาน เริ่มต้นจาก “จีนพัด” หรือ “หลวงพัฒน์พงศ์พานิช” ที่หอบเอาเสื่อผืนหมอนใบ หนีความแร้นแค้นจากจีนแผ่นดินใหญ่ มาทำมาหากินในเมืองไทย เริ่มต้นจากการค้าขาย และก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของกิจการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงสี โรงน้ำแข็ง ไปจนถึงได้สัมปทานการส่งดินขาว ให้กับปูนซีเมนต์ไทย 

 

 


ประวัติของหลวงพัฒน์พงศ์พานิช ถูกเล่าผ่านยุคสมัย พ.ศ. 2489 ในห้องแรกของพิพิธภัณฑ์ ทั้งแผนที่ขนาดใหญ่ที่ถูกพิมพ์ลงบนผืนผ้าใบ บอกเล่าเรื่องราวในยุคสมัยนั้น ที่ความเจริญทั้งหลาย ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโมเดลแสดงลักษณะพื้นที่ของพัฒน์พงศ์ในยุคสมัยนั้น ที่ตั้งอยู่กลางห้อง  

 

 


รถรางเป็นอีกหนึ่งความเจริญของยุคสมัยนั้น ในห้องมีการจัดแสดงเส้นทางของรถราง ที่ถนนบางเส้น เราไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม 
      

 


ก้าวเท้าเข้าเปลี่ยนผ่านสู่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ห้องที่สองของพิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ บอกเล่าเรื่องราวของพัฒน์พงศ์ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นับเป็นยุครุ่งเรืองของพัฒน์พงศ์ คุณอุดม พัฒน์พงศ์พานิช หนุ่มนักเรียนนอกจากอเมริกา ณ ขณะนั้น ได้นำพาเอาพรรคพวกที่ร่ำเรียนด้วยกัน เข้ามาเปิดธุรกิจหรือจัดตั้งสำนักงานสาขาแรกในประเทศไทยกันบนถนนพัฒน์พงศ์ 
 

 

 

รู้หรือไม่ ? ว่ามีครั้งแรกในประเทศไทยอยู่บนถนนพัฒน์พงศ์หลายอย่างเลยทีเดียว นั่นก็เป็นเพราะในยุคนั้น พัฒน์พงศ์เป็นถนนที่อุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยชาวต่างชาติ เพราะบริษัทข้ามชาติมากมายที่มาเปิดสำนักงานที่นี้ ไม่ว่าจะเป็น PANAM (สายการบินจากเรื่อง Catch me if you can ที่นำแสดงโดยลีโอนาโด ดิคาปริโอ), AIRFRANCE, Shell, Caltex, Qantas, JAL หรือแม้กระทั่ง 7-11 สาขาแรกในประเทศไทยก็ถือกำเนิดขึ้นบนถนนสายนี้ จนนับได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรม Black tie white shirt ในเมืองไทย 

 

 

 

อีกส่วนหนึ่งอันน่าสนใจของประวัติศาสตร์หน้านี้ คือ การที่เราได้ทราบว่าบนถนนพัฒน์พงศ์ในอดีตเคยมี Safehouse ของ CIA และเรียกได้ว่าเป็นศูนย์การของการบัญชาการในยุคสงครามเวียดนาม หรือ Secret War ในลาว   

 

 

 

สายลับ CIA หลายคนผ่านชีวิตและแสงสีบนถนนพัฒน์พงศ์อย่างแนบเนียน ไปกับภาพลักษณ์นักท่องเที่ยว ที่มาท่องราตรีดื่มด่ำกับแสงสีและนารีในเมืองบางกอก 

 

 


พื้นที่ส่วนใหญ่ ของพิพิพิธภัณฑ์ ถูกเล่าถึงยุครุ่งเรือง ของพัฒน์พงศ์ นั่นก็คือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือยุคสงครามเย็นนั่นเอง  

 

พิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ เรียงร้อยและรวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างน่าสนใจ รวบรวมเอาของสะสมเก่าเก็บ บางชิ้นเดินทางผ่านกาลเวลามาจากยุคนั้น เช่น ตู้สาขาโทรศัพท์แบบโบราณ ที่เข้าเมืองไทยมาพร้อมกับโรงแรมพลาซ่า สุรวงศ์ ที่เป็นโรงแรมแรกในยุคนั้น ที่ทันสมัยที่สุด มีครบครันทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ โทรศัพท์ทางไกล ซึ่งนับเป็นสิ่งของทันสมัยมากในยุคนั้น หรือเอกสารบางฉบับ ของสายการบิน Air America, โฆษณา, หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารในยุคนั้น  

 

 

 

“ทอม ทอม แวร์ยูโกลาสไนท์ ไอเลิฟเมืองไทย ไอไลค์ พัฒน์พงศ์” ส่วนหนึ่งของบทเพลง เวลคัม ทูไทยแลนด์ ของวงคาราบาวอันโด่งดัง นอกจากทอม ที่ชอบมาเมืองไทย และ Like พัฒน์พงศ์แล้ว เหล่าคนดังและคนมีชื่อเสียงระดับโลก หลายคน ที่หลงรักและเคยเข้ามาในถนนสายนี้ นี้คือ Wall of Fame ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนดัง ที่เคยแวะเวียนมายังถนนพัฒน์พงศ์ 

 

 


 มี Teblet ให้เราฉายภาพไปที่เงาบนบอร์ดและจะมีรูปและประวัติต่างๆขึ้นมา ว่าใคร มาทำอะไร ในพัฒน์พงศ์ 

 

 
 


โมเดลจัดแสดงภาพของพัฒน์พงศ์ในปัจจุบัน ที่มีความปราณีตและสมจริง ถูกตั้งโชว์อยู่กลางห้อง เพื่อให้เราสังเกตรายละเอียดของสถาปัตยกรรมแบบพัฒน์พงศ์สไตล์ 

 

 

 

“Red Light District”
โซนสุดท้ายเล่าเรื่องราวภายใต้แสงสีแดงที่ฉาบอาบไล้ แต่คนที่จะก้าวผ่านโซนนี้ไปได้ ต้องอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น เป็นเรื่องราวแสงสีของพัฒน์พงศ์ ที่เราคงนำมาให้รับชมได้เพียงเท่านี้  

 

 

 

สำหรับใครที่สนใจอยากเข้าชมพิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ ในช่วงเคอร์ฟิวนี้ เปิดให้บริการ 11.00-20.00 น. ราคาบัตรโปรโมชั่นเดือนนี้อยู่ที่ 350 บาท ซื้อ 1 แถม 1 พร้อมเครื่องดื่มและไกด์ฟรี (มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) สอบถามข้อมูลการเข้าชมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/patpongmuseum/ หรือเว็บไซต์ https://www.patpongmuseum.com/th

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • sevenman
  • 1 Followers
  • Follow