วันนี้ครูพิมมีคำตอบมาให้แล้วค่ะ ว่าอะไรกันนะ ที่หน้าจอให้กับเด็ก ๆ ไม่ได้
เรื่องที่สำคัญที่สุดและไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือเรื่องการใช้กล้ามเนื้อนิ้วมืออย่างอิสระ หลากหลาย และครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ควรจะเป็นนั่นเองค่ะ การใช้นิ้วเพียงไม่กี่นิ้ว ทำงานในรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น การจิ้ม การไถ การแช่ ทำให้เด็ก ๆ ไม่ได้ออกกำลังมืออย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่นิ้วมือนั้น เป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาสมองของเด็ก ๆ เพราะนิ้วมือทั้ง 10 นั้น ประกอบด้วยเส้นประสาทจำนวนมากถึง 96 เส้น การเล่นโดยใช้นิ้วมือทั้ง 10 อย่างอิสระ จึงจำเป็นอย่างมากสำหรับการเตรียมความพร้อมในการใช้งานมือแบบหนัก ๆ (เช่นการเขียน) และการคิดสร้างสรรค์ในอนาคตนั่นเองค่ะ
อุปกรณ์เทคโนโลยีให้ความสะดวกสบายในการสร้างสรรค์ผลงาน แต่อาจะจะเป็นการหยุดยั้งจินตนาการของเด็ก ๆ ได้ เพราะหลาย ๆ ครั้ง โปรแกรมต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมา อาจจะมีลักษณะที่สำเร็จรูปมากจนเกินไป จนทำให้เด็ก ๆ ไม่ได้ใช้จินตนาการของตนเองมากเท่าที่ควร แน่นอนค่ะว่า ในส่วนของข้อดี ก็คือการทำให้เด็ก ๆ ได้ถ่ายทอดจินตนาการของตนเองออกมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้ได้ง่ายขึ้น แต่ความง่ายนั้น ทำให้กระบวนการที่ละเอียดอ่อน อาจจะถูกลดทอนลงไปด้วยนั่นเองค่ะ
สิ่งที่ได้จากการลงมือทำด้วยของจริง วัสดุจริง ก็คือ การกระตุ้นประสาทสัมผัสให้กับเด็ก ๆ แม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบัน จะพยายามสร้างสรรค์ความรู้สึก มิติของแสงสี ความหนักเบาของเส้นให้มีความใกล้เคียงกับของจริงมากขึ้น แต่ข้อจำกัดในส่วนของความเสมือนจริงก็ยังมีอยู่มากค่ะ การขีดเขียน ระบายสีด้วยวัสดุที่หลากหลาย เช่น สีไม้ สีเทียน สีชอล์ก สีน้ำ ฯลฯ ที่ไม่ได้กระตุ้นเพียงประสาทสัมผัสทางมือเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสายตาที่มองเห็นความแตกต่างของเนื้อสีแต่ละประเภท และยังรวมถึงการได้ใช้เชาว์ปัญญาในการเลือกใช้ประเภทของสีที่เหมาะกับชิ้นงานหรือความต้องการของเด็ก ๆ อีกด้วย
การลงมือทำจริง ทำให้เด็กๆ เรียนรู้การแก้รู้จัก แก้ไข ด้วยวิธีการที่ไม่ง่ายจนเกินไป เมื่อเขียนผิดหรือมีจุดที่อยากแก้ไข ก็ต้องลบ การลบต้องเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ใด จะกดปุ่มถังขยะหรือย้อนกลับแบบในหน้าจอได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ จะทำให้เด็ก ๆ มีความรอบคอบในการทำงาน และรู้จักยับยั้งชั่งใจมากขึ้นนั่นเองค่ะ
ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก