ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเรื่องสมาธิของเด็กแต่ละคน นอกจากขึ้นอยู่กับพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กเองแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความใส่ใจและสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูของพ่อแม่อีกด้วย วันนี้เราจึงมีเทคนิคการเลี้ยงดูลูกแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยสร้างให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีสมาธิดีกันค่ะ
ในบางครั้งการที่ลูกไม่มีสมาธิในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น อาจเกิดจากการที่ลูกกำลังสับสนว่าจะต้องทำอะไรก่อน-หลัง หรือหลงลืมว่าควรจะทำอะไรบ้าง ดังนั้นการที่พ่อแม่ช่วยจัดทำตารางในแต่ละวัน ว่าลูกต้องทำอะไรบ้าง ตอนไหน และในแต่ละกิจกรรมควรใช้เวลาเท่าไหร่ ก็จะเป็นการช่วยให้ลูกจัดระบบความคิดของตัวเอง และมีเป้าหมายในการทำกิจกรรมแต่ะละอย่างได้ดีขึ้น
ในบางครั้งการที่พ่อแม่เข้มงวดกับเรื่องกฎ ระเบียบ หรือวินัยกับลูกมากไป จนทำให้พ่อแม่เอง เกิดความหงุดหงิด โมโห และอาละวาดใส่ลูก ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำอะไรแบบรีบ ๆ ลน ๆ เพราะกลัวถูกตำหนิ ดังนั้นหากพ่อแม่ต้องการสอนหรือสร้างวินัยให้ลูก ควรใช้เหตุผล และการพูดที่นุ่มนวล
การบ่นลูกย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม เป็นการบั่นทอนสุขภาพจิตของลูกเป็นอย่างมาก ลูกจะเกิดความหงุดหงิด ก้าวร้าว ต่อต้าน และไม่อยากทำอะไรดี ๆ ทั้งนั้น ซึ่งการที่ลูกหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง ย่อมส่งผลต่อการเรียนรู้ และทำให้สมองไม่เปิดรับต่อข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น และเมื่อเป็นแบบนี้เรื่อยไป จะทำให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีบุคคลิกหุนหันพลันแล่น ใจร้อน ขาดการควบคุมตัวเอง
เพราะสมองคิดเป็น “ภาพ” และ “รับคำสั่งทีละเรื่อง” ดังนั้นทุกครั้งที่พ่อแม่ต้องการบอกหรือสั่งให้ลูกทำอะไร ควรบอกทีละคำสั่ง ทีละขั้นตอน ใช้คำสั่งที่สั้น กระชับ และตรงไปตรงมา เมื่อลูกทำเสร็จขั้นตอนที่หนึ่งแล้วค่อยสั่งในขั้นต่อไป เพื่อให้ลูกได้มีเวลาตรวจสอบหรือคิดอย่างรอบคอบเสียก่อน
สิ่งสำคัญของการเรียนรู้ในวัยเด็ก ก็คือ “ต้นแบบที่ดี” ดังนั้นหากพ่อแม่ต้องการสร้างให้ลูกเป็นเด็กที่มีสมาธิ พ่อแม่ก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเสียก่อน สร้างบรรยากาศที่ดีภายในบ้าน เป็นพ่อแม่ที่นิ่งสงบ ไม่ใช้อารมณ์ และเป็นต้นแบบของการเป็นคนที่มีเหตุผลและมีสติในการใช้ชีวิต
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.