Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ฤดูร้อนนั้น ฉันอยู่ที่อเมริกา ตอนนำร่อง

Posted By nali | 24 มี.ค. 62
3,212 Views

  Favorite

ณ สถานฑูตอเมริกา

A:Hi How are you?

B:Hi I am doing good.

A: You are going to study English ,right?

B:Yes

A:How long will you stay there?

B:6 weeks

A:What do your parent do?

B:My father is a navy. My mom has her own business. She sells electronics machine and mobile phone at her store.

A:ok your father is a navy so what is his rank?

B:   นายพล

A: นายพลล ummm

 

A: What is your father's rank

B:Can I speak in Thai?

A:Yes

B:นาวาเอกพิเศษ

A:okkk uhh... what do you study about ?your major

B:dentistry

A:To be a dentist?

B:Yes 

A:wowww ...ok 

And you study in university...or...

B:Yes Mahidol university

A:ok Have a nice trip in America

B : Thank you 

 

เมื่อเจ้าหน้าที่พูดจบก็เก็บหนังสือเดินทางของฉันกลับไป 

รอยยิ้มของฉันปรากฎขึ้นบนหน้า เพราะนั่นเป็นสัญญาณบอกว่า ฉันทำวีซ่าอเมริกาผ่านแล้วนะ

ระหว่างที่เดินออกไปก็เห็นผู้คนไม่น้อยที่ถือหนังสือเดินทางตัวเองกลับไปพร้อมใบหน้าเศร้าๆที่แสดงออกอย่างชัดเจนเพราะมันบ่งบอกว่าโดนปฏิเสธวีซ่า

ฉันเดินกลับออกไปข้างนอกตัวตึกสถานฑูตอเมริกา มันไม่ยากที่เวลามีคนคอยมองหาเราอยู่แล้วเราจะเจอสายตาคู่นั้น ใช่ แม่ของฉันเองที่เฝ้าคอยให้ฉันออกมาพร้อมกับความหวังว่าฉันจะสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาผ่าน และฉันก็ไม่ทำให้แม่ผิดหวัง

 

ฉันรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง ว่าเราตอบผิดไปอย่างหนึ่งเพราะตื่นเต้น คือตอนเจ้าหน้าที่ถามตำแหน่งพ่อ ความจริงพ่อเรามีตำแหน่งเป็นนาวาเอกพิเศษแต่ด้วยความตื่นเต้นหรืออะไรไม่รู้ทำให้คำศัพท์ที่นึกออกเกี่ยวกับตำแหน่งทหารตอนนั้น ที่นึกออกอยู่อย่างเดียวคือนายพล และพูดออกไปว่านายพลซึ่งเป็นภาษาไทยด้วย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเช็คข้อมูลในคอมพิวเตอร์และถามใหม่อีกรอบ

ฉันจึงตอบไปใหม่ว่านาวาเอกพิเศษ รอดตัวไปนึกว่าถ้าให้ข้อมูลเขาผิด ตอบไม่ตรงกับความจริงแล้วจะไม่ผ่าน แต่เขาคงรู้ว่าที่ตอบผิดเพราะเราตื่นเต้น ที่กังวลก็ไม่ใช่อะไรหรอก ได้ยินมาเยอะ

 

เขาว่ากันว่าการทำวีซ่าอเมริกานั้นไม่ง่ายนักด้วยการที่เขาต้องการแน่ใจจริงๆว่าเราจะกลับประเทศ และไม่หนีไปทำงานที่บ้านเมืองเขา ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ทำให้วีซ่าผ่านคือ การกรอกข้อมูลบนเว็บ การสัมภาษณ์ และความมั่นคงของเรา และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดวง

 

 

 

 

 

เพราะการที่ฉันได้เรียนอยู่ในคณะที่เรียกได้ว่าเรียนโหดสุดๆ เมื่อมีโอกาสเวลาว่าง ก็ตัดสินใจจะไปเรียนซัมเมอร์ที่อเมริกาสักเดือนกว่าๆ พอดีว่าฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกันสมัยมอหกเคยไปแลกเปลี่ยนที่อเมริการัฐ Utah ฉันเลยลองถามเค้าดูเล่นๆว่า

“ แก ถ้าให้เลือกไปเที่ยวเมืองไหนซักเมืองในอเมริกา แกจะเลือกไปเมืองไร ”

อยากไปพอร์ตแลนด์อะ

ทำไมอะ

ก็ เมืองพอร์ตแลนด์ธรรมชาติมันสวยดีอะ เมืองน่ารัก

ฉันเองสะดุดที่ชื่อเมืองพอร์ตแลนด์วันนั้นเลยนั่งหาข้อมูลคร่าวๆก็เป็นข้อมูลทั่วๆไปที่หาได้บนอินเตอร์เนต เลยเพิ่งรู้ว่า

ที่จริงแล้วเมือง Portland ที่เมกามีอยู่สองที่คือที่รัฐ Oregon และรัฐ Maine 

โดย Portland รัฐ Maine มีมาก่อน Portland รัฐ Oregon ซะอีก

แต่เหมือนตอนนี้ถ้าพูดว่า Portland เฉยๆคนจะนึกถึงที่ Oregon เพราะเหมือนจะเป็นที่พูดถึงมากกว่า

 

เอาเป็นว่าถ้าจะให้ชัวร์เวลาจะพูดถึง Portland ไหนควรบอกชื่อรัฐด้วย

  เฮ้ยเจ๋งกว่าที่คิด

เมืองอะไรมีพื้นที่สีเขียวก็เยอะ

คนก็รักสิ่งแวดล้อมชอบปั่นจักรยาน

เมืองของฮิปสเตอร์

เมืองที่ระบบขนส่งดีเป็นอันดับต้นๆของอเมริกา

เมืองที่เบียร์รสชาติดี๊ดี

ที่พูดมาทั้งหมดถามว่าฉันสนใจอะไรในนี้หรอ เปล่าก็ไม่มี แค่ฟังรวมๆแล้วมันดูดี

และที่สำคัญเมืองนี้ค่าครองชีพไม่แพงมี sale tax 0%  เหตุผลนี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญในการเอาเรื่องนี้ไปเสนอขอเงินแม่อยู่เหมือนกัน

 

ฉันพยายามอ้อนแม่ว่าเรียนหนักอย่างนู้นเรียนหนักอย่างนี้ อยากพักผ่อนสมองด้วยการไปซัมเมอร์ที่อเมริกา และอยากไปพอร์ตแลนด์ ตอนแรกก็มีลังเลระหว่างพอร์ตแลนด์กับซานฟรานที่อาจารย์ที่อยู่อเมริการู้จักเขาแนะนำมา เพราะมันสวย แต่พอศึกษาดูดีๆแล้วพบว่าซานฟรานคาครองชีพโหดมาก ฉันเลยตัดสินใจไปพอร์ตแลนด์แล้วกัน

โดยมีเป้าหมายอยู่หลักๆคือ อยากไปเที่ยวและหาประสบการณืในตอนที่ตัวเองยังพอมีเวลาว่างจากการปิดเทอมเป็นเดือนๆก่อนที่เทอมอื่นๆจะปิดเทอมแค่ไม่กี่สิบวัน ดังนนั้นจะเรียกว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ไปซัมเมอร์ก็ได้ และก็อยากฝึกภาษาอังกฤษในเรื่องของการพูดและฟังให้มากขึ้น แต่อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ 

อยากไปเที่ยว

จะไปเที่ยวไหนอะไรยังไงก็ยังไม่รู้เลย เรื่องที่จะไปเที่ยวเมืองอื่นก็คงไม่ได้คิดหรอก เพราะไม่กะจะไปเที่ยวเมืองอื่นอยู่แล้ว เพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องไกลตัวเกินกว่าที่เด็กแบบฉันจะทำได้ แม้หลายๆคนจะเชียร์ให้ไปก็ตาม เพราะจะมีสักกี่ครั้งเชียวที่ได้มีโอกาสไปอเมริกา แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ

เงิน เนี่ยแหละ 

และการที่ศึกษาข้อมูลนำมาเสนอแม่ บวกกับความอ้อน ก็ทำให้แม่อนุมัติให้ไปในที่สุด

 

เวลา หกโมงเช้า ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

“ เนส อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์สิ คอยดูเวลาด้วยว่าเค้าเปิดให้เช็คอินตอนไหน ”

เสียงแม่พูดขึ้นมาขณะที่เรากำลังไถหน้าจอดูไอจีสตอรี่ของเพื่อนๆ ตามประสาวัยรุ่น

รู้แล้วแม่ หนูก็คอยเหลือบๆมองอยู่ตลอด ”

แม่เตือนด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย และคำตอบของเราก็พูดไปเพื่อให้แม่สบายใจ 

 

พวกเราสามคน พ่อ แม่ ลูก เลยยืนจ้องมอง departure board 

รอไปได้สักพัก พ่อก็เริ่มสงสัยว่าทำไมหน้าจอถึงไม่ขึ้นว่า check in ตรงสายการบินที่เราจะขึ้นสักที

พ่อเลยเดินไปดูที่เคาน์เตอร์สายการบินนั้น 

ปรากฏว่า เขาเปิดให้เช็คอินได้แล้ว 

“ เนส วันหลังเราต้องมาดูที่เคาท์เตอร์ด้วยนะ บางทีมันยังไม่ขึ้นโชว์ที่หน้าจอ แต่ความจริงมันเปิดให้เช็ออินได้แล้ว ”

“ รู้แล้วหน่าแม่ ”

แม่เราก็ยังเป็นห่วงเราทุกขั้นตอนอยู่ดี

พอฉันเช็คอินเสร็จ ก็ถึงขั้นตอนไหว้พ่อและแม่ 

มันมีทั้งความรู้สึกสองอย่าง 

หนึ่งคือ รู้สึกซึ้งที่พ่อแม่เป็นห่วงเรามากขนาดนี้ ยิ่งมองไปที่สายตาของคนทั้งคู่ ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่บรรยายไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเราหาจากที่อื่นไม่ได้แล้วนอกจากครอบครัว

 

สอง คือ เป็นอิสระแล้วโว้ย เครียดเรื่องสอบมาตั้งนาน ในที่สุดก็เป็นไทแล้ว ดีใจแทนหัวสมองมากที่มันจะได้พักสักที ต่อไปนี้สูตรฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แคลคูลัส ก็คงถูกแทนที่ด้วยโปรแกรมเที่ยวต่างๆ หรือไม่มันอาจจะเหนื่อยจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแทน

 

แม่และพ่อกอดเรา พร้อมอวยพรให้โชคดี 

ถ้าเข้าเกทแล้วให้โทรบอกด้วย

แล้วพ่อจะกลับยังอะ

รอหนูเข้าเกทเสร็จ ทำอะไรให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับ ”

เรายิ้มแล้วเดินขึ้นบันไดเลื่อน พร้อมหันมามองเห็นคนสองคนยืนโบกมือบ๊ายบายให้เรา 

บันไดเลื่อนที่พาใครหลายๆคนไปทำตามความฝัน คนเหล่านั้นอาจแฝงไปด้วยความตื่นเต้น

บันไดเลื่อนที่นำเอาความโศกเศร้ามาเยือนสำหรับใครหลายๆคนที่ไม่อยากจากคนที่เรารักไปไกล

บางทีความรู้สึกทั้งสองอย่างนี้อาจซ่อนอยู่ในใจของเราตอนนี้ก็ได้ 

 

การไปซัมเมอร์ที่อเมริกาครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราขึ้นเครื่องบินคนเดียว เพราะครั้งแรกของการเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวของฉันถูกนิวซีแลนด์แย่งซีนไปแล้ว

แต่ถึงแม้จะเป็นครั้งที่สองสำหรับฉัน ก็ยังมีความกังวลและตื่นเต้นอยู่ดีกับขั้นตอนต่างๆก่อนจะขึ้นเครื่องอยู่ดี

 

รู้ตัวอีกทีตอนนี้ก็นั่งรออยู่หน้าเกทแล้ว นึกขึ้นได้โทรไปบอกพ่อกับแม่ก่อนดีกว่า

พอโทรเสร็จ ก็นั่งเฉยๆนึกถึงเรื่องราวที่ตัวเองกำลังจะไปเจอต่อจากนี้ ตั้งแต่เดินเข้าเกท ขึ้นเครื่องจะได้นั่งข้างคนแบบไหน บนเครื่องจะมีเสียงเด็กร้องไห้ไหม จะได้นอนรึเปล่า 

ไปถึงแล้วโฮสจะเป็นคนยังไงกันนะ สังคมคนที่นั่นเราจะเข้ากับเค้าได้ไหม จะได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง แต่ก่อนจะคิดเรื่องไปเที่ยวที่ไหนหาเพื่อนก่อนดีไหม 

แล้วก่อนกลับจะร้องไห้คิดถึงโฮสหรือจะดีใจที่ได้กลับไทยกันนะ

คิดไปเรื่อยๆ จนได้ยินสัญญาณเรียกให้ผู้โดยสารเข้าเกท

ฉันเก็บกระเป๋าแล้วเดินเข้าไป

ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในเครื่องบิน ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังจะห่างจากบ้านเพื่อไปอยู่อีกซีกโลก

จากนี้ไปอีกเดือนครึ่งจะเกิดเรื่องอะไรบ้าง ก้ขอให้โชคชะตาพาเราไปแล้วกัน

หมายถึงพาไปเจอในสิ่งที่ดีน่ะ

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • nali
  • 0 Followers
  • Follow