Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

บึงฉวากฯ ชมอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของไทย

Posted By ไกด์เตยหอม | 12 มี.ค. 62
7,459 Views

  Favorite

ใกล้วันน้ำโลก 22 มี.ค. แล้ว ขอเชิญทุกท่านไปเยือนบึงฉวากฯ พื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับชาติที่มีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ให้ได้ชมปลาต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะปลาน้ำจืดไทยที่พบตามธรรมชาติได้ยากแล้ว และปลาในวรรณคดี เช่น ปลาม้า ปลาสลิดดอนกำยาน ปลาน้ำเงิน ฯลฯ

 
ภาพ : ไกด์เตยหอม

 

ไม่ว่าท่านจะมีรถส่วนตัวหรือไม่ก็ไปเที่ยว บึงฉวากฯ ได้นะคะ สำหรับผู้ที่มีรถส่วนตัว ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 304 ได้เลยค่ะ ถ้าจะเดินทางโดยรถสาธารณะแนะนำให้มากันเป็นกลุ่ม ไปขึ้นรถตู้สาย 953 กรุงเทพฯ – ท่าช้าง (โทร. 084-081-7907) แจ้งซื้อตั๋วไปบึงฉวากฯ ค่าตั๋วอัพเดท ต้น มี.ค. 2562 คนละ 180 บาท ได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ SC Plaza ถนนบรมราชชนนี (05.00-18.00 น.) 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม

 

ในสถานีขนส่งก็จะมีกาแฟ ขนม 7-11 และร้านอาหารให้รับประทานอาหารเช้าได้ค่ะ เราออกจาก กทม. รอบ 8.00 น. รถสะอาด มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งและติดกล้องด้วยค่ะ คุณลุงคนขับก็อัธยาศัยดีมาก ๆ ค่ะ มีจอดแวะปั๊มให้ได้เข้าห้องน้ำ ลงมายืดเส้นยืดสาย หรือซื้อของว่างและขนมระหว่างทาง 1 จุดด้วยค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ประมาณ 10.30 น. ก็ถึงบึงฉวากฯ แล้วค่ะ คุณลุงคนขับมาส่งให้ถึงหน้าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่สร้างขึ้นในวโรกาส ร.9 ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 (สร้าง พ.ศ. 2539 เสร็จ พ.ศ. 2541) หรือที่ชาวสุพรรณฯ เรียกกันสั้น ๆ ว่า ‘ตู้ปลา’ ค่ะ เพราะที่นี่เป็นที่แรกในประเทศไทยที่มีตู้ปลาน้ำจืดแบบอุโมงค์ และมีอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำถึง 3 อาคารเลยค่ะ ผู้สูงอายุเข้าฟรีด้วยนะคะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ถ้าใครนำรถส่วนตัวมาก็มีที่จอดมากมายเหลือเฟือเลยค่ะ ใกล้ ๆ ที่จอดมีห้องน้ำ  
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
 
มีตู้ ATM ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา อยู่ตรงหลังป้ายใหญ่ตรงทางเข้า และรถ ATM เคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย ตรงใกล้ ๆ ลานจอดรถด้วยค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ใกล้ ๆ กับจุดขายตั๋วเป็นศูนย์อาหาร เนื่องจากบัตรเข้าชมสามารถใช้เข้าออกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 1 วัน ตอนเที่ยงสามารถออกมารับประทานอาหารกลางวันแล้วค่อยกลับเข้าไปดูปลาต่อได้ด้วยนะคะ หรือถ้าขี้เกียจเดินออกมา ด้านในก็มีร้านขายของว่าง ขนม และน้ำให้บริการค่ะ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
หากมีผู้สูงอายุมาด้วยก็มีรถเข็นไว้ให้บริการด้วยนะคะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
บึงกว้างมากกกกก ! 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
และแล้วเราก็มาถึงหมู่อาคารตู้ปลาทั้งสาม ขวามือจะเป็นอาคาร 1 และ 2 ค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ภายในอาคาร 1 มีทั้งปลาน้ำจืดและน้ำเค็มค่ะ แต่ตู้ใหญ่ ๆ จะเป็นปลาน้ำจืดค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ปลาดูสุขภาพดี พื้นที่ตู้กว้างขวาง คนดูก็เห็นปลาได้ชัด ๆ ถ่ายรูปได้ชัด ๆ แม้จะไม่เปิดแฟลช อย่างเจ้าเหลือง 2 ตัวด้านซ้ายนี้คือ ปลาสลิดหินปากยาว ตัวโตหน่อยตรงกลางคือ ปลาปักเป้า (*ถ่ายรูปสัตว์ใด ๆ ห้ามใช้แฟลชนะคะ เดี๋ยวตกใจแย่ค่ะ รูปที่ได้จะไม่เป็นธรรมชาติ และถ้าเป็นสัตว์ใหญ่อย่างปลาฉลามตัวโต ๆ ก็อาจทำร้ายนักประดาน้ำที่อยู่ข้างในหรือว่ายชนกระจกด้วยนะคะ) 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ถัดเข้ามาจะเป็นตู้ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ในรูปด้านบนเป็นฝูงปลากระแห หางสีแดงมีแถบดำ พบได้ทั่วไปในแม่น้ำลำคลองของไทย และมีปรากฏใน บทเห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ด้วยนะคะ “...กระแหแหห่างชาย   ดังสายสวาดิคลาศจากสม…”
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ส่วนเจ้าตัวสีดำ ๆ นี้คือ ปลาเทพาสั้น แต่จะสั้นอย่างไรก็ยาวได้เกือบครึ่งเมตรเลยค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ถัดมาจะมีตู้ปลาขนาดย่อม แยกปลาแต่ละสายพันธุ์ไว้ให้ชมกัน มีปลาสวยงาม เช่น ปลาหมอเลิฟ จากไต้หวันตามภาพด้านบนด้วยค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ส่วนเจ้าตัวนี้ใครชอบกินแกงเขียวหวานหรือทอดมันอาจจะคุ้นเคยกันดี เจ้านี่คือ ปลากราย นั่นเองค่ะ พบได้ตามแม่น้ำใหญ่ ๆ ตัวเขาก็ใหญ่ 40-60 เซนติเมตรเลยค่ะ ปัจจุบันเป็นปลาเศรษฐกิจที่เพาะเลี้ยงจำหน่ายเป็นอาหารได้แล้วค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
“...น้ำเงินคือเงินยวง ขาวพรายช่วงสีสำอาง...”
ภาพล่างนี้ปลาน้ำเงิน จาก บทเห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร เดิมมีอยู่มากมายในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ปัจจุบันหายากแล้วค่ะ เพราะต้องอาศัยในแหล่งน้ำที่มีน้ำสะอาดไหลเวียนดี ปัจจุบันเริ่มเพาะเลี้ยงได้แล้วค่ะ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
แล้วก็มาถึงเจ้าถิ่นแดนสุพรรณฯ ปลาม้า ที่เคยมีชุกชุมในเขตอำเภอบางปลาม้า ข้าง ๆ ตู้มีปุ่มให้กดเพื่อฟังเสียงปลาม้าร้องด้วยนะคะ เพราะกระเพาะใหญ่พองลมให้เกิดเสียงได้ ปกติจะร้องหาคู่ตอนกลางคืน เสียงคล้าย ๆ อึ่งอ่าง ปัจจุบันตามธรรมชาติหายากแล้วค่ะ แหม... ทั้งสวย แปลก ร้องได้ แถมเอามาทำปลาแดดเดียวทอดอร่อยอีกต่างหาก ดีที่เพาะขยายพันธุ์ได้แล้ว เริ่มจากที่เขื่อนกระเสียว เมืองสุพรรณฯ นี่เลยค่ะ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ตู้ล่างนี้เป็นตู้ปลากระสง ญาติวงศ์ผู้ทรงเสน่ห์ของปลาช่อนนั่นเอง อยู่ในห้วยหนองคลองบึงขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ในป่าพรุ กินได้เหมือนปลาช่อน ปลาชะโด ปัจจุบันนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วยค่ะ แต่ต้องระวังเพราะมันค่อนข้างดุและเป็นนักกระโดด ถ้าฝาตู้ไม่ดีจะกระโดดออกมาแห้งตายข้างนอกได้ ถ้าเลี้ยงรวมกับปลาอื่น ๆ หรือที่แคบไป ก็อาจกัดกันตายได้เช่นกันค่ะ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ฝูงนี้คือฝูงปลาตาเหลือกค่ะ อยู่ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย พบได้ตามชายฝั่งทะเลค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ออกทะเลข้ามทวีปไปเข้าป่าอเมซอนกัน มาดูปลาโบราณอย่างปลาจระเข้ แล้วก็ปลากดหางแดงอเมซอน หน้าเหมือนปลาดุกเราเลย แต่ตัวใหญ่ยาวได้เป็นเมตรเลยค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
เดินต่อไปยังอาคารหลังที่ 2 ในโถงก็จะมีตู้ปลาทะเลขนาดต่าง ๆ หลายตู้ให้ได้ชมกันก่อนเช่นเคย อย่างเจ้านี่คือปลากะพงแดงหน้าตั้ง เป็นปลาน้ำเค็มที่เป็นได้ทั้งปลาสวยงามและอาหาร 
 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ปลาวัวปิกัสโซ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ตู้ปลาหมอแตงไทย ฝีพระหัตถ์ประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
แล้วก็มาถึงอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของไทย ยาว 8.5 เมตร เดินวนได้รอบตู้ด้วยค่ะ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ในนี้มีปลามากมาย ตัวกลางในภาพล่างนี้คือ เจ้าปลาเทโพ ที่แต่ก่อนนำมาแกงเทโพนั่นเอง "...เทโพพื้นเนื้อท้อง เปนมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรศครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์..." กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานและงานนักขัตฤกษ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม

 

ตัวหน้าสีดำ ๆ คือปลาบึก ปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ยาวได้เกือบ 3 เมตร) ปลาต้องอนุรักษ์เพราะใกล้สูญพันธุ์แล้ว ส่วนตัวที่ว่ายตามมาข้างหลังนั้นคือ ปลากะโห้ ปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยพบในไทยค่ะ (ยาวได้ถึง 2 เมตรกว่า)

  

ภาพ : ไกด์เตยหอม

  

รูปล่างนี้เป็นฝูงปลาเสือพ่นน้ำที่บางทีก็ผลัดกันพ่นน้ำโชว์ให้ผู้เข้าชมได้เห็น
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ส่วนฝูงต่อไปด้านล่าง เห็นตาแป๋ว ๆ ครีบแดง ๆ นี้ชื่อ ปลาบ้า ค่ะ ปลามันไม่ได้บ้านะคะ แต่เพราะปลาสายพันธุ์นี้ในประเทศไทยมันชอบกินเมล็ดลำโพงและกระเบา ซึ่งมีสารที่ทำให้คนที่มากินปลานี้ต่อมาก ๆ เข้า เมา เพ้อ คลั่ง หรือบ้าได้นั่นเอง
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ถัดมาคือ ปลาช่อนข้าหลวง หรือ ปลาช่อนทอง เป็นปลาสวยงามถิ่นใต้ พบได้แถวเขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) สุราษฎร์ธานี แต่ปัจจุบันหายากมาก ๆ แล้วค่ะ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
นอกจากนี้ยังมี ปลาแก้มช้ำ ซึ่งก็ปรากฏใน บทเห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร เช่นกันค่ะ “...แก้มช้ำช้ำใครต้อง   อันแก้มน้องช้ำเพราะชม...” ที่ชื่อแก้มช้ำ เพราะฝาปิดเหงือกมีแต้มสีแดงหรือสีส้มเล็ก ๆ เหมือนรอยช้ำจากการจุมพิตของคู่รักค่ะ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ส่วนฝูงนี้คือปลาสลิดดอนกำยาน ปลาสลิดหอมแดดเดียวขึ้นชื่อของตำบลดอนกำยาน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ตัวไม่ใหญ่นัก โตเต็มที่ราว 12-15 เซนติเมตร 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
นอกจากปลาน้ำจืดไทยนานาชนิดแล้วก็ยังมีปลาน้ำจืดจากต่างประเทศที่น่าสนใจมากมาย เช่น ปลาไหลไฟฟ้า จากลุ่มน้ำอเมซอน โตเต็มที่ยาวได้ถึง 3 เมตร ซึ่งแม้จะมีนิสัยรักสงบ ไม่ก้าวร้าว แต่ก็เป็นอันตรายไม่น้อยทีเดียว เพราะมันจะปล่อยไฟฟ้าเป็นระยะ ปล่อยได้มากถึง 500 โวลต์ โดนเข้าไปถึงตายได้เลย
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
นอกจากบรรดาปลาน้ำจืดเหล่านี้ ในอาคารหลังที่ 3 (สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล) ยังมีการจัดแสดงปลาทะเลมากมาย ในส่วนนี้จะต้องซื้อบัตรเพิ่ม ผู้ใหญ่ 150 บาท (ต่างชาติ 200 บาท) เด็ก 50 บาท (ต่างชาติ 100 บาท) โดยเราจะลงบันไดเลื่อนลอดอุโมงค์ปลาแนวเฉียงลงไปชมกันค่ะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ภาพล่างเป็นปลาหมอทะเล
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
บรรดาปลาตามแนวปะการัง เช่น ปลาโนรี ปลาสลิดหิน ปลาการ์ตูน และตัวกลางที่เห็นในภาพล่างน่าจะเป็นปลาในกลุ่มปลาขี้ตัง
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
มีปลากระเบนด้วย
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ถัดมาในอุโมงค์ปลาฉลามจะมีการสาธิตการให้อาหารปลาฉลาม ทุกวัน วันละ 1 รอบ เวลา 14.00 น. มีฉลามเสือทราย ฉลามเสือดาว ฉลามครีบดำ และฉลามพยาบาล (ฉลามขี้เซา – นอนกลางวัน) 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
ภาพ : ไกด์เตยหอม
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  
ถัดไปจะมีเขตบ่อจระเข้ ซึ่งเข้าชมฟรี (รวมในค่าบัตรผ่านประตูแล้ว) ภายในจำลองให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดประกอบด้วยพื้นดิน บ่อน้ำ และต้นไม้ต่าง ๆ 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
ภาพ : ไกด์เตยหอม
 
ป้ายด้านซ้ายในรูปบนนี่ฮาจริง ๆ บรรดาจระเข้จะเข้าใจไหมนะ
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
ภาพ : ไกด์เตยหอม
 
กลับออกมาทางเดิมจะเจอลานจอดรถรุ่นเก่าให้ถ่ายรูปได้อยู่ตรงข้ามกับสนามเด็กเล่น
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม
ภาพ : ไกด์เตยหอม
 
เดินออกมาทางด้านหน้าจะมีสวนหย่อมเล็ก ๆ ร่มรื่นให้ได้พักผ่อน จริง ๆ แล้วบึงฉวากไม่ได้มีแต่บรรดา ‘ตู้ปลา’ นะคะ บนพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญตามอนุสัญญาแรมซาร์รอบบึงน้ำขนาดใหญ่ราว 1,700 ไร่แห่งนี้ เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าด้วย และยังมีสวนสัตว์บึงฉวาก ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าและกรงนกใหญ่ เกาะกระต่าย ศูนย์รวมพันธุ์ไก่และสัตว์หายาก อุทยานผักพื้นบ้าน ฯลฯ 
 
 
ภาพ : ไกด์เตยหอม

 

เสาร์-อาทิตย์น่าชวนเพื่อน ๆ มาค้างบนบ้านต้นไม้ที่บึงฉวากรีสอร์ต นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย (บ้านควาย) และตลาดสามชุกที่ยังไม่ได้ไปด้วยค่ะ วันเดียวไม่พอจริง ๆ ^ ^

  

ภาพ : ไกด์เตยหอม

  

ก่อนกลับประมาณบ่าย 3 กว่า ๆ เราแวะซื้อขนมสาลี่สุพรรณเจ้าดังที่ร้านตรงศูนย์อาหารค่ะ มีหลายกลิ่นให้เลือกไม่ว่าจะเป็นใบเตย นมแมว มะลิ กาแฟ ฯลฯ ห่อละ 35 บาท 3 ห่อ 100 บาท แล้วก็โทรแจ้งท่ารถตู้สาย 953 ท่าช้าง – กรุงเทพฯ (โทร. 084-081-7907) ให้มารับ จากนั้นก็ไปรออยู่ในจุดที่เราลงรถมาเมื่อเช้าได้เลยค่ะ 

 

ภาพ : ไกด์เตยหอม

 

เที่ยวกลับได้แวะปั๊มเช่นเคย มีร้านขายขนมและของฝากให้ช็อปติดมือเพิ่มด้วยนะคะ กะหรี่ปั๊บอุ่น ๆ กรอบอร่อยดีทีเดียว ชิ้นละ 6 บาทเองค่ะ จากนั้นก็หลับยาว ๆ ถึงกรุงเทพฯ ราว 6 โมงเย็นค่ะ 

 

ภาพ : ไกด์เตยหอม
ภาพ : ไกด์เตยหอม
  

“Amazing ไทยเท่” ที่เที่ยวเก๋ ๆ ใกล้ตัว อย่าลืมมาชื่นชมกันนะคะ

  

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • ไกด์เตยหอม
  • 3 Followers
  • Follow