Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

แกรนด์ แคนยอน (Grand Canyon) เกิดขึ้นได้อย่างไร

Posted By Amki Green | 24 ธ.ค. 61
69,331 Views

  Favorite

หากพูดถึงแกรนด์ แคนยอน คงไม่มีใครไม่รู้จักแกรนด์ แคนยอน ความมหัศจรรย์สวยงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแต่แกรนด์ แคนยอน เกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบค่ะ

               
แกรนด์ แคนยอน (Grand Canyon) เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Yellow Stone ในมลรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกจัดอันดับว่าต้องไปเยือนซักครั้งก่อนตาย

 

แกรนด์ แคนยอนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีลักษณะเป็นหุบเหวลึก ซึ่งหน้าผามีขนาดความสูง 1,600 เมตร หุบเหวยาวประมาณ 450 กิโลเมตร เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีอายุเก่าแก่มาก จากการศึกษาของ University of Colorado Boulder and the California Institute of Technology พบว่า แกรนด์ แคนยอนมีอายุประมาณ 70 ล้านปีมาแล้ว แต่ปรากฏการณ์การกัดเซาะของแม่น้ำโคโรลาโด ที่ทำให้เกิดหุบเขาหินที่สวยงามนั้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เพิ่งจะเกิดทีหลัง ในช่วง 5-6 ล้านปีที่ผ่านมานี้เอง

 

แกรนด์ แคนยอน (Grand Canyon) เกิดขึ้นได้อย่างไร

ทัศนียภาพที่แปลกตา เป็นหุบเขาลึกสวยงามของแกรนด์ แคนยอนนั้น เกิดขึ้นจากอิทธิพลของแม่น้ำโคโลราโด โดยแต่เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นบริเวณที่ราบสูงขนาดใหญ่ที่มีแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่าน สภาพแม่น้ำมีลักษณะเป็นลำธารขนาดเล็กที่คดเคี้ยวไปมา ต่อมาแผ่นเปลือกโลกเกิดการยกตัวสูงขึ้น ทำให้ที่ราบสูงแห่งนี้เกิดการยกตัวกลายเป็นแนวเทือกเขาขนาดกว้างใหญ่ การยกตัวนี้ส่งผลให้แม่น้ำโคโลราโดเกิดการไหลที่เร็วและแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแม่น้ำมีการไหลผ่านพื้นที่ลาดชันจากการยกตัวของแผ่นเปลือกโลก การไหลของน้ำจึงแรงขึ้น เมื่อประกอบกับลักษณะของดินที่ถูกแสงแดดแผดเผาจนกลายเป็นดินที่แข็งและไม่สามารถดูดซับน้ำได้เมื่อฝนตก น้ำปริมาณมากและมีกำลังแรงจึงกัดเซาะหินและดินไปทีละน้อย นอกจากนี้ยังมีการกระทำของลมที่เพิ่มการกัดกร่อนหินและดินต่อเนื่องกันมานานหลายล้านปี ทำให้กลายเป็นบริเวณร่องหุบเขาลึกของแกรนด์ แคนยอนอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

 

จุดชมวิวที่น่าสนใจของแกรนด์ แคนยอน

ในปัจจุบันแม่น้ำโคโลราโดยังมีการไหลผ่านที่บริเวณหุบเขาแกรนด์ แคนยอน ทำให้แกรนด์ แคนยอนยังคงมีขนาดลึกลงเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปี จากการกัดเซาะของแม่น้ำ โดยวัดจากขอบลงไป ก้นหุบเหวมีระยะทางกว่า 1 ไมล์ (ประมาณ 1,600 เมตร) โดยประกอบด้วยหินต่าง ๆ เช่น หินแกรนิต หินทราย หินชั้นแบบต่าง ๆ ที่ลมกัดเซาะจนเป็นร่องลึกสลับซับซ้อนนานเป็นล้านปี

 

แกรนด์ แคนยอนถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ ขอบผาด้านใต้ ขอบผาด้านเหนือ และขอบผาด้านตะวันตก

ส่วนแรกคือ ขอบริมผาด้านใต้ (South Rim) สูงประมาณ 2,000 เมตร เป็นสถานที่ที่โด่งดังและนักท่องเที่ยวเยอะที่สุด ประมาณ 5 ล้านคนต่อปี บริเวณนี้จะเป็นวิวทิวทัศน์ที่จะเห็นแม่น้ำโคโลราโด ส่วนด้านบนจะเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ของชนพื้นเมืองเดิมที่เคยอาศัยอยู่บริเวณนี้

 

ส่วนที่สอง คือ ขอบผาด้านเหนือ (North Rim) สูงประมาณ 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นส่วนที่หลาย ๆ คนเชื่อว่ามีมุมมองที่น่าสนใจกว่าขอบผาด้านใต้ บริเวณนี้มีสภาพอากาศที่แตกต่างกันอย่างมาก เมื่อถึงฤดูหนาวจะมีหิมะตกหนักจนไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้น ฝั่งนี้จะเป็นที่นิยมมาในช่วงฤดูร้อนมากกว่าช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม

 

ส่วนบริเวณขอบผาด้านตะวันตก (West Rim) จะเป็นพื้นที่ของชนเผ่าพื้นเมือง และบริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของ Sky Walk ซึ่งเป็นสะพานพื้นกระจกที่มีความสูงที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปชื่นชมความสวยงามแกรนด์ แคนยอนบนสะพานพื้นกระจกรูปทรงตัวยูนี้ได้ ซึ่งสะพานกระจกนี้ได้ถูกออกแบบเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้มากถึง 8 ริกเตอร์ และสามารถทนต่อแรงลมและพายุได้

 

แกรนด์ แคนยอนถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งของโลกที่ถือว่าอยู่ใน Bucket list ที่ต้องไปชมก่อนตายของใครหลายคน นอกจากชมทัศนียภาพที่สวยงามแล้วยังมีกิจกรรมหลายอย่างที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปร่วมกิจกรรมได้ เช่น การตั้งแคมป์ การล่องแพ การปีนเขา เป็นต้น

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

- การแปรสัณฐานของเปลือกโลก

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Amki Green
  • 14 Followers
  • Follow